ฉายา คาตาคุริ โมจิ
- บุรุษไร้เทียมทาน-
( SUPER HUMAN )
ค่าหัว 1057,000,000 เบรี
อายุ 48 ปี /25 พฤศจิกายน
- เกิดในท็อตโตะแลนต์
ส่วนสูง 509 Cm./16ฟุต8นิ้ว
ปราการ ราชาเกาะโดนัท(Komugi Island)
ตำแหน่ง บุตรลำดับที่ 2(2nd Charlotte)
- 1 ใน 4 ผู้บัญชาการสวีต(Sweet Commander)
- สมาชิกกลุ่มโจรสลัด บิ๊กมัม(Bigmom Pirates)
ผลโมจิ : มีร่างกายเป็นโมจิ เหนียวหนืด แยกตัวหรือสร้างขึ้นใหม่ได้อย่างรวดเร็ว
อาวุธ หอกสามง่าม โมกุระ(Trident/ Mogura)
- พลังฮาคิ/หยั่งรู้อนาคต (Kenbunshoku Haki)
ลูกเรือ แม่ใหญ่ชาล็อต หลินหลิน(ฺLinLin) ,เพโระเพโระ(Perospero) ,สมูทตี้ (Smoothie) , แคร็กเกอร์(Cracke) ,สแน็ค (SnacK) ,ไดฟุคุ(Daifuku) ,โอเวน(Oven) ,โอเปร่า (Opera) ,กาแล็ต (Galette) ,มอนเตออ(Mont-d'Or) ,บรูเล่ (Brulee) ,พลาริน (Praline)
เผ่าพันธุ์ มนุษย์..
ประวัติ.ชาล็อต คาตาคูริ(Charlotte Katakuri) บุตรชายลำดับที่ 2 แห่งตระกูลชาล็อตเมื่อครั้งแรกที่ปรากฏจัดว่าเป็นอีกหนึ่งตัวละครที่ดูโดดเด่นมาก เงียบขลึม ดูเท่ ทั้งรูปร่างและการแต่งตัวที่ดูดิบเถื่อน ร่างกายสมส่วนไม่เวอร์หรือดูตลกจนเกินไป นั่นทำให้รู้ในทันทีว่าต้องเป็นตัวละครที่สำคัญและมีฝีมือร้ายกาจอย่างแน่นอน นิสัยของเค้าดูเป็นคนเงียบไม่พูดมาก ไม่โอ้อวดพลังของตน และไม่ว่าจะทำอะไรจะขยับตัวไปไหนเค้าก็มักจะใช้พลังพิเศษในการคาดเดาเหตุการณ์ล่วงหน้าก่อนเสมอซึ่งโดยหลักพลังฮาคิชนิดนี้จะช่วยให้ผู้ใช้รู้เหตุการณ์ในอนาคตได้เพียงสั้นๆแต่ด้วยความฉลาดส่วนตัวทำให้เค้าสามารถจินตการเหตุการต่อจากนั้นได้เป็นฉากๆจนกลายมาเป็นความสามารถส่วนตัวที่พิเศษไม่เหมือนใครและยากจะหาใครเหมือนขึ้นมา
- ตระกูลชาร์ล็อตต์.มีธีมสมาชิกในครอบครัวล้วนมาจากชื่อของขนม คาตาคูริ คือ มันบด(Katakuriko)
- กลุ่มโจรสลัดบิ็กมัมแทบทุกคนล้วนได้แรงบันดารใจจากตัวละครในเทพนิยาย คาตาคูริ มาจากนิทานเรื่องคุณตากับครกไม้ "Hanasaka Jiisan -花咲か爺さん"
......................
► เปิดตำนาน นิทานปรัมปราของญี่ปุ่น เรื่องเล่าก่อนอันโด่งดังเกี่ยวกับขนมโมจิ ฮานะซากิ จิเซ็น คุณตากับเจ้าชิโร่หมาน้อยยอดกตัญญู / Hanasaka Jiisan◄
ชาล็อต คาตาคูริ บุตรชายลำดับที่ 2 แห่งตระกูลชาล็อต เป็นผู้มีพลังจาก ผลไม้ปีศาจ โมจิ โมจิ :Mochi Mochi ผลโมจิเค้าเป็นมนุษย์โมจิ พลังนี้ในช่วงแรกค่อนข้างแปลกดูเหมือนจะเป็นพลังสายโรเกียเพราะร่างของผู้ใช้เมื่อถูกโจมตีจะแยกออกและทะลุผ่านไป แต่ในตอนหลังชัดเจนแล้วว่าเป็น สายพารามิเซียพิเศษ(Special Paramecia) เพราะยังคงยึดร่างตนเป็นหลัก การสลายหรือทะลุจะยังคงต่อกันไม่ขาดออกจากกันหรือก็คือมันเพียงการเปลี่ยนรูปของพลังนั่นเองและที่สำคัญโมจิเป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ พลังนี้โดยหลักมีความคร้ายกันกับพลังผลยางบวกกับผลโคลน นั่นคือมีความยืดหยุ่นสูง และสามารถเปลี่ยนรูปร่างเป็นอะไรก็ได้ตามความต้องการ และด้วยความหนาแน่นของก้อนโมจิยังทำให้ผู้ครอบครองสามารถใช้ร่างกายของตนเป็นโล่และกับดักในเวลาเดียวกันได้นั่นคือการล่อหลอกให้เข้ามาใกล้ เพื่อรับการโจมตีแล้วจึงยึดหรือจับศัตรูให้ดิ้นไม่หลุดแล้วรัดให้ขาดใจตายในที่สุด...
จุดสูงสุด(การตื่น/Awakened) ผู้ครอบครองพลังนี้มาถึงจุดสูงสุดของพลังแล้วด้วยการเปลี่ยสิ่งที่สัมผัสให้กลายเป็นโมจิเฉกเช่นเดียวกับร่างกายของตนซึ่งนั่นจะยิ่งทำให้การใช้พลังมีขอบเขตกว้างไกลยิ่งขึ้น
จุดอ่อน : พลังนี้ด้วยตัวมันเองที่เป็นแป้งจึงพ่ายแพ้น้ำ และหากยืดพลังออกไปไกลจากร่างต้นมากจะสูญเสียความหนาแน่นของแป้งไปนั่นทำให้อ่อนแอลงง่ายต่อการตัดให้ขาด
ชาล็อต คาตาคูริ/Charlotte Katakuri |
แม้จะต้องพูดคุยกับคนน่ารังเกียจนับร้อย นับพัน..ก็จงทำ..!!..
เพราะหนึ่งในนั้นอาจเป็นเพื่อนแท้ที่เราตามหามาทั้งชีวิต...”
บุรุษไร้เทียมทาน ชาล็อต คาตาคูริ(Charlotte Katakuri). เป็นบุตรคนที่สามของตระกูลชาล็อตและเป็นบุตรชาย1 ในแฝด 3 ของบิ๊กมัม ที่น่าภาคภูมิใจมากที่สุดในบรรดาลูกทั้งหมดที่มี ทั้งจากฝีมือที่มากด้วยความร้ายกาจและพรสวรรค์ในการต่อสู้ที่หลากหลายจนน่าเหลือเชื่อทำให้เค้าถูกวางให้เป็นหมายเลขสองรองจากแม่ใหญ่หลินๆ ความสามารถในการต่อสู้ของคาตาคุริฉายแววมาตั้งแต่ยังเด็กทั้งพละกำลังและพลังฮาคิแห่งการสังเกตที่ดูจะโดดเด่นเป็นพิเศษ ยิ่งเติบโตก็ยิ่งแข็งแกร่งไม่เพียงแต่เห็นสิ่งที่อยู่ห่างไกลหรือกำลังจะเข้ามาใกล้ แต่ยังพัฒนาการมองจนถึงขั้นมองเห็นอนาคตที่กำลังจะเกิดขึ้นได้นานหลายนาที จนได้ชื่อว่าเป็นผู้ใช้ทักษะนี้ได้ดีที่สุดคนหนึ่งในโลกเลยทีเดียว
คาตาคูริ โมจิ/ KaTaKuRi |
ในเหตุการณ์งานแต่งงานของ พุดดิ้ง หนึ่งในน้องสาวที่น่ารักของเค้าสมาชิกทุกคนในตระกูลถูกเรียกให้กลับมาร่วมแสดงความยินดีและร่วมเป็นสักขีพยานในการเป็นพันธมิตรกับกลุ่มเจลม่า 66 ซึ่งในช่วงก่อนงานจะเริ่มขึ้นไม่นานคาตาคุริก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับเสียงฮือฮากันไปทั้งงานเพราะทุกคนต่างรู้ดีถึงความร้ายกาจของเค้า ว่าอย่าแม้แต่จะคิดตุกติกอะไรเด็ดขาดไม่งั้น งานจบตั้งแต่ยังไม่เริ่มแน่ๆ..เมื่อถึงเวลางานเลี้ยงเริ่มต้นขึ้นเกิดความวุ่นวายเล็กน้อยจากการลอบสังหารคู่บ่าวสาวซึ่งทุกคนมองเป็นเรื่องปกติ แต่สักพักคาตาคุริก็รับรู้ได้ถึงความผิดปกติครั้งใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้นอีกไม่นาน มันกำลังตรงมาทางนี้..และในตอนนั้นเอง มังกี้ ดี.ลูฟี่..!!..ได้พุ่งตัวออกมาจากกระจก และกำลังตรงเข้าไปจะทำลายรูปที่ตั้งอยู่บนโต๊ะของแม่ใหญ่ ไม่ใช่เรื่องยากที่จะหยุดเจ้าคนนี้ด้วยพลังของผลโมจิเพราะเค้ารู้อยู่แล้วว่ามันกำลังจะเกิดขึ้น..พวกศัตรูเริ่มปรากฏตัวมากขึ้น ความวุ่นวายเริ่มขยายตัวกลายเป็นการลอบสังหายเต็มรูปแบบ กลุ่มพันธมิตรไฟเออแท็งกลายเป็นศัตรู เบจจ์สั่งให้ลูกน้องพุ่งเป้าไปที่การลอบสังหาร บิ๊กมัม เพียงอย่างเดียว
ในตอนนี้มีเพียงคาตาคุริที่รู้สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น จึงตะโกนบอกพี่น้องของเค้าให้เข้ามาปกป้องแม่ใหญ่ ที่กำลังสติแตกเอาไว้ก่อน แต่ก็ดูจะไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรนักเพราะกลุ่มบิ๊กมัมก็ไม่ใช่ธรรมดาเพราะหลายคนเองก็เป็นผู้ใช้พลัง ฝ่ายกบฏเริ่มพ่ายแพ้และแผนการดูจะเหลวไม่เป็นท่า ต่างคนต่างวิ่งหนีไปคนละทาง คาตาคุริไม่รอช้าเพราะรู้อยู่แล้วว่าพวกมันหนีแน่ๆ จึงสั่งให้พวกพี่น้องรีบตามไปจัดการให้สิ้นซาก ตู้ม..!!...เสียงระเบิดดังสนั่น สถานการณ์พลิกอีกแล้ว ปราสาทเริ่มเอียงและกำลังจะถล่มลงมา..ถ้าเป็นแบบนี้กำลังรบกว่าครึ่งต้องถูกทับตายแน่ๆ มันอะไรกัน แม่ใหญ่ก็กำลังช็อก ฐานที่มั่นใหญ่ก็ถูกทำลายลงซะแล้ว พวกมันร้ายกาจ..มาก.!!.. แต่ก็ยังนับว่ามีโชคอยู่บ้างที่มีพ่อครัวใหญ่ สเตเซ่นอยู่ด้วย ด้วยไหวพริบที่มีจึงเปลี่ยนปราสาทอิฐทั้งหมดที่อยู่เบื้องหน้าให้กลายเป็นก้อนเค็กอ่อนนุ่มในทันที จึงทำให้ทุกคนที่ตกลงมาไม่ถูกทับตาย กำลังทหารที่มีอยู่ก็เสียหายไม่มาก
ช่วงเวลาแห่งความสับสน แม่ใหญ่หลินๆ...!!.ได้สติกลับมาแล้ว..ปัทโธ่เว๊ย.!!เค็กอยู่ไหน..นี่มันอะไรกันพวกแก..มัวทำอะไรอยู่รีบตามไปบดขยี้พวกมันเดี๋ยวนี้..!!.. เมื่อได้รับคำสั่งคาตาคุริไม่รอช้ารีบอ้อมไปดักรอที่เรือของพวกหมวกฟางในทันที ไม่นานพวกกลุ่มกบฏก็มาถึงเรือพร้อมกับแม่ใหญ่ที่ตามมาติดๆ การต่อสู้ครั้งสุดท้ายกำลังจะเริ่มขึ้นชัยชนะอยู่แค่เอื้อม..ไร้หนทางหนีแน่ๆ แต่เอ๊ะ..!!..ทำมัยเรามองไม่เห็นจุดจบของเจ้าหมวกฟาง เพียงเสี้ยววินาทีแห่งชัยชนะก็เกิดระเบิดขึ้นอีกจนได้โดยฝีมือของเปรโด เรือกระเด็นออกจากวงล้อมในทันที ลูฟี่เมื่อสบโอกาสจึงรีบดึงคาตาคุริเข้าไปในโลกของกระจก เพื่อลดความเสียหายที่จะเกิดกับเรือ การต่อสู้ครั้งสุดท้ายกำลังจะเริ่มขึ้นแล้วและจะเป็นตัวตัดสินว่าใครกันแน่ที่จะคู่ควรเป็นผู้..ไร้เทียมทานที่แท้จริง.!!.!.....
.............................
【】 นอกเรื่องความรู้รอบตัว 【】
เปิดตำนาน นิทานเกี่ยวกับความดีและขนมโมจิ ฮานะซากิ จิเซ็น คุณตากับเจ้าชิโร่หมายอดกตัญญู/Hanasaka Jiisan
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีตายายผู้ใจดีชาวญี่ปุ่นคู่หนึ่ง อยู่ในหมู่บ้านบนภูเขา วันหนึ่งตาออกมาพรวนดินอยู่ที่หน้าบ้าน ก็ได้ยินเสียงปู่ใจร้ายข้างบ้านตะโกนด่าว่าลูกหมาตัวหนึ่ง ตาผู้ใจดีก็เลยจะเลี้ยงลูกหมาตัวนั้นไว้เอง และได้ตั้งชื่อมันว่า
"ชิโร่" ตาและยายผู้ใจดีเลี้ยงชิโร่อย่างดีวันหนึ่ง ชิโร่เดินเข้ามาหาตาและใช้ปากงับเสื้อของตา พาตาเดินไปบนเขา แล้วบอกกับตาว่า "ขุดตรงนี้เลย โฮ่งๆ ขุดเลยโฮ่งๆ" ตาคิดว่าเป็นเรื่องที่มหัศจรรย์ที่ หมาชิโร่พูดได้ แต่ก็ลองขุดดู ปรากฏว่าพบเหรียญทองคำมากมายอยู่ในหลุมนั้น
เมื่อปู่ใจร้ายข้างบ้านได้ยินเรื่องนี้ ก็เกิดความโลภอยากจะได้ทองคำบ้าง จึงขอยืมตัวเจ้าชิโร่ไปเลี้ยงที่บ้านของตน หวังว่าชิโร่จะบอกที่ซึ่งมีเหรียญทองบ้าง วันหนึ่งชิโร่ก็งับเสื้อของปู่ใจร้ายพาเดินขึ้นไปบนเขา แล้วก็บอกให้ปู่ใจร้ายขุดตรงนี้ๆ "จะรวยแล้ว จะรวยแล้ว ฮ่าๆๆ" ปู่ใจร้ายพูดไปขุดดินไปอย่างดีอกดีใจ แต่สิ่งที่ขุดขึ้นมาได้กลับไม่ใช่เหรียญ ด้วยความโมโห ปู่ใจร้ายก็เลยฆ่าหมาชิโร่เสีย
ทำให้ตาและยายผู้ใจดีโศกเศร้าใจมาก จึงสร้างหลุมฝังศพให้แก่ชิโร่ ....ข้างๆหลุมศพก็ปลูกต้นไม้เล็กๆไว้ด้วย อีกไม่นานต้นไม้นั้นก็โตขึ้นมาอย่างรวดเร็ว วันหนึ่งในขณะที่ตาและยายอยู่ในสวนก็ได้ยินเสียงจากต้นไม้ต้นนั้น "ทำครกให้หน่อย... ทำครกให้ที..." ตายายทั้งสองจึงทำตาม โดยการเอาต้นไม้ต้นนั้นมาทำเป็นครก "โมจิ..ชิโร่ชอบกินขนมโมจินี่นา ทำขนมโมจิมาให้ชิโร่ก็ดีนะ"
ดังนั้นตาและยายใจดีจึงได้ตำข้าวทำโมจิด้วยครกที่ทำจากต้นไม้ข้างหลุมศพชิโร่ เพียงไม่นาน ก็มีแสงเปล่งประกายออกมาจากขนม "เอ๋! อะไรกันเนี่ย? นี่มันเหรียญทองคำนี่!!..." เมื่อตายายดูที่ครกตำขนมโมจิแล้วก็เห็นเหรียญทองคำอยู่ในนั้น ทันทีที่ปู่ใจร้ายข้างบ้านได้ยินเรื่องก็ขอยืมครกไม้ไปตำโมจิบ้าง แต่ก็ไม่มีเหรียญทองออกมาเลย ยิ่งไปกว่านั้น จากโมจิสีขาวก็เปลี่ยนเป็นโมจิสีดำ ทำให้เขาโมโหมาก จึงใช้ไฟเผาครกนั้น
ตาและยายผู้ใจดีเสียใจอีกครั้ง และเพราะครกไม้นั้นเปรียบเสมือนตัวแทนของหมาชิโร่ ตายายใจดีจึงเก็บขี้เถ้าของครกใส่กล่องกลับบ้าน แล้วตาก็นำขี้เถ้านั้นกลับมาโปรยในสวนผักของตน"สวนผักแปลงนี้ปลูกหัวผักกาดไชเท้าที่ชิโร่ชอบ.." แล้วตาก็โปรยขี้เถ้าลงไป แต่ด้วยแรงของลม จึงพัดพาขี้เถ้าไปโดนต้นซากุระที่แห้งเหี่ยวอยู่เพราะยังไม่ถึงฤดูออกดอก ในพริบตาเดียวก็มีดอกซากุระบานออกมา "ยาย! ดูนั่นสิ! ดอกซากุระบาน!!ทั้งๆที่ไม่ใช่ฤดูใบไม้ผลิด้วยซ้ำ บานได้อย่างเหลือเชื่อเลย!"
เรื่องที่คุณตาทำให้ดอกไม้บานได้นอกฤดูกาล เป็นที่กล่าวขานไปทั่วจนถึงหูของไดเมียว เจ้าเมือง ซึ่งสั่งให้ทหารไปพาคุณตามาที่ปราสาทเพื่อแสดงให้เห็นว่า ทำให้ดอกไม้บานได้อย่างไร"ท่านเป็นคนเดียวที่สามารถทำให้ดอกไม้บานนอกฤดูในญี่ปุ่นได้จริงๆ เราจะให้รางวัลแก่ท่าน"เจ้าเมือง ไดเมียว กล่าว ทันใดนั้นเองก็มีเสียงปู่ผู้ใจร้ายแทรกขึ้นมาว่า "ข้าพเจ้าต่างหาก เป็นคนทำให้ดอกไม้บานได้"
ปู่ใจร้ายแอบเอาผงขี้เถ้านั้นมาโปรยให้เจ้าเมืองดู "ฮะ ฮะ ฮัดชิ่ววว ฮัดชิ้วววว" เจ้าเมืองจามไม่หยุดเนื่องจากได้สูดเอาขี้เถ้าจากปู่ใจร้ายเข้าไป สุดท้ายปู่ผู้ใจร้ายที่คอยแต่จะเลียนแบบผู้อื่นก็ถูกจับเข้าคุกไป
......................
2 ความคิดเห็น:
เอาไว้ก่อนเติมให้นะ ครับ
สุดยอดครับ
แสดงความคิดเห็น