ค่าหัววันพีช 55,000,000 เบรี่
- 195,000,000
- 195,000,000
อายุ 27 ปี
- เกิด 7 สิงหาคม
- เกิด 7 สิงหาคม
ส่วนสูง 240 cm
เรือ นิววิช-ทัง(New Witch's Tongue)
ตำแหน่ง กัปตันกลุ่มโจรสลัดเบรามี่(Bellamy Pirates)
- หัวหน้าหน่วยค้าทาสของโดฟามิงโก้
ผลปีศาจ บาเนะ บาเนะ (Bane Bane)พารามิเซีย/เหนือมนุษย์
ผลปีศาจ บาเนะ บาเนะ (Bane Bane)พารามิเซีย/เหนือมนุษย์
ผลสปริง : ทำร่างกายเป็นสปริงเครื่อนที่ด้วยความเร็วตามแรงกดของสปริงทำลายบริเวณที่สัมผัส
จุดอ่อนธาตุปฏิปักษ์ ความเร็วของผลปริงจะใช้กำแพงเพื่อเพิ่มความเร็วแต่จะทำลายมันเมื่อสัมผัสถูก และจะโจมตีเป็นเส้นตรงเท่านั้น
ลูกเรือ รองกัปตันซาคีส(Sarquiss) ,ริลี้(Lily) ,โร็ด(Ross) ,เอ็ดดี้(Eddy) ,ริเวอร์(Rivers) ,มานิ(Mani) ,(Myure) ,(Huett)
เผ่าพันธุ์ มนุษย์..
จุดอ่อนธาตุปฏิปักษ์ ความเร็วของผลปริงจะใช้กำแพงเพื่อเพิ่มความเร็วแต่จะทำลายมันเมื่อสัมผัสถูก และจะโจมตีเป็นเส้นตรงเท่านั้น
ลูกเรือ รองกัปตันซาคีส(Sarquiss) ,ริลี้(Lily) ,โร็ด(Ross) ,เอ็ดดี้(Eddy) ,ริเวอร์(Rivers) ,มานิ(Mani) ,(Myure) ,(Huett)
เผ่าพันธุ์ มนุษย์..
"จะเมืองทองคำที่สาบสูญหรือสมบัติในตำนานวันพีช...
มีแต่คนโง่เท่านั้นที่ไล่ตามความฝันในยุคแห่งท้องทะเลนี้
ถ้าไม่ยอมรับความจริงเบื้องหน้าก็มีแต่ต้องตายตามความฝันไปก็เท่านั้น"
กล่าวโดย ไอ้หมาบ้าเบรามี่
เบรามี่(Bellamy the Hyena)
ลักษณะเป็นชายที่มีรูปร่างสูง ผิวคล้ำและมีผมสีทอง
มีรอยแผลเป็นที่เหนือตาขวาและมีแววตาที่ดุดันจนดูเหมือนไฮยีน่าที่ดูเจ้า
เล่ห์พร้อมที่จะขย้ำเหยื่อได้ตลอดเวลา
สวมเสื้อแขนกุดสีชมพูโดยมีเสื้อคลุมคลุมอีกชั้นเพื่อสดวกในการโจมตีด้วยพลัง
ผลปีศาจ เป็นหนึ่งในกลุ่มย่อยของโดฟามิงโก้จึง
มีสัญลักษณ์เป็นลอยสักของกลุ่มค้าทาสอยู่ที่แขน มีนิสัยเหี้ยมโหด
ไม่รักษาคำพูดหวังจะมีชื่อเสียงจากการกำหราบโจรสลัดที่มีค่าหัวสูงกว่าและ
เชื่อในพลังที่ตนมีมากและคิดว่าตนเป็นลุคกี้แห่งยุคสมัยใหม่ "Age of
Dreams"
- ชื่อของเบรามีมาจากโจรสลัดชื่อดังในอดีต ในชื่อ ซามูเอล เบรามี่(Samuel Bellamy)เป็นชายหนุ่มชาวอังกฤษที่แสวงหา โชคลาภในดินแดนโลกใหม่ในแถบอเมริกามีชีวิตอยู่ในช่วงศตวรรษที่ 17
- ชื่อของเบรามีมาจากโจรสลัดชื่อดังในอดีต ในชื่อ ซามูเอล เบรามี่(Samuel Bellamy)เป็นชายหนุ่มชาวอังกฤษที่แสวงหา โชคลาภในดินแดนโลกใหม่ในแถบอเมริกามีชีวิตอยู่ในช่วงศตวรรษที่ 17
..............................
【】 เปิดตำนานเจ้าชายโจรสลัด ซามูเอล เบลลามี่/ Samuel Bellamy แบล็กแซมผู้สร้างตำนานโจรสลัดผู้สุดแสนจะโรแมนติก (Black Bellamy) 【】
ไฮยีน่า เบรามีแห่งกลุ่มโจรสลัดเบรามี เป็นผู้มีพลังจาก ผลปีศาจ บาเนะ บาเนะ Bane Bane :Boing Boing ผลสปริง เค้าเป็นมนุษย์สปริง มีจุดเด่นที่ความรุนแรงในการปะทะศัตรู ทำให้เค้าสามารถเปลี่ยนร่างกายทั้งแขนและขาให้กลายเป็นสปริงได้อย่างรวดเร็วโดยเฉพาะส่วนขาที่สามารถเปลี่ยนให้เป็นสปริงได้ทั้งสองข้างและใช้มันในการกระโดดขึ้นที่สูงหรือใช้ในการเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงเพื่อใช้โจมตีศัตรูโดยเค้าแสดงออกให้เห็นในชื่อ ท่าไม้ตาย สปริงฮุค(Spring Hopper)เป็นการใช้พื้นที่ให้เป็นประโยชน์มากที่สุดในการสปริงตัวกระทบกับผนังอย่างต่อเนื่องจนความเร็วเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเค้าภูมิใจในความเร็วของเค้ามากและมีความทะนงในพลังจากผลปีศาจที่เค้ามีีอย่างมาก จนคิดว่าไม่มีใครสามารถมองเห็นการโจมตีของเค้าได้ทำให้คิดว่าตนเองนั้นแข็งแกร่งกว่าทุกคน
จุดอ่อน : ที่สำคัญของสปริงคือการออกตัวก่อนการการกระโดด
- แม้ว่าพลังนี้จะเร็วและรุนแรง แต่การกระโดดทุกครั้งจะเป็นเส้นตรงซ้ำๆ ยิ่งเร็ว แรงก็ยิ่งตรง ทำให้ศัตรูจับทางได้ง่ายและคอยจังหวะเมื่อกระทบพื้น
ไฮยีน่าเบรามี่ - Bellamy the Hyena |
"เพราะฉันไม่เคยแพ้.....จึงทะนงในพลังที่มี.....ความคิดนี้ไม่น่าจะผิด
แต่ถ้าจะผิด..ก็ตรงที่ฉันนั้นอ่อนหัดไม่รู้จักโลกของโจรสลัดอย่างแท้จริง....."
เบรามีเป็นหัวหน้ากลุ่มโจรสลัดแบรามีที่สมาชิกทุกคนในกลุ่มหลงใหลการใช้ชีวิตที่สุขสบาย และหรูหราในแบบโจรสลัดที่พุ่มเฟือย โดยจะคอยดักปล้นสมบัติจากโจรสลัดอื่นที่ผ่านมาหรือที่พบเจอโดยเห็นว่าการ แย่งชิง ปล้นและฆ่าไม่ว่ากับใครก็ทำได้เพราะมันเป็นวิถีที่ถูกต้องที่โจรสลัดควรจะ เป็น เพื่อทำให้นายใหญ่ โดฟามิงโก้ พอใจเค้าพยายามสร้างชื่อเสียงให้ตนเองโดยการฆ่าทุกคนที่ไม่ชอบหน้าและปล้น ให้มากที่สุดเพื่อให้ค่าหัวของตนเกิน 100 ล้านให้ได้เพื่อขึ้นเป็น ลุคกี้ที่น่าจับตามองของยุคสมัยใหม่ที่กำลังจะมาถึงซึ่งในปัจจุบันมีค่าหัว เพียง 55 ล้านเบรีซึ่งอาจเป็นเพราะเค้าชอบรออยู่กับที่เพื่อให้ศัตรูเข้ามาหามากกว่า จะไปสร้างวีรกรรมกลางทะเลเหมือนโจรสลัดคนอื่น
ปรากฏตัวครั้งแรกในม็อกทาวบนเกาะจายาซึ่งในขณะนั้น เบรามีกำลังเล่นไพ่อยู่กับ โรชิโอและไม่พอใจที่ตนแพ้จึงจัดการ โรชิโอซะเป็นการเปิดตัวที่แสดงให้เห็นถึงนิสัยของเค้าได้เป็๋นอย่างดี หลังจากนั้นไม่นาน ลูฟี่ โซโล นามิก็เข้ามาที่บาเพื่อถามวิธีไปเกาะแห่งท้องฟ้าโดยเบรามีพวกมองว่าเป็น เรื่องเพื้อฝันจึงเข้ามาสั่งสอนให้รู้ถึงโลกแห่งความเป็นจริง โดยที่ในขณะนั้นลูฟี่ถูกสั่งห้ามไม่ให้มีเรื่องจึงไม่โต้ตอบ หลังจากนั้นเบรามีรู้ว่า มองบลัง คริ๊กเก็ตมีทองคำที่ได้มาจากก้นมหาสมุทรอยู่จึงไปที่บ้านของ คริ๊กเก็ตและแย่งทองมาเป็นของตนโดยกล่าวว่า "การแย่งชิงคือความถูกต้องสำหรับชั้น:"แต่เมื่อลูฟี่รู้เรื่องเข้าจึงตามไปทวงเอาทองคืนและเกิดการต่อสู้กันขึ้นโดยผลจากความพ่ายแพ้ครั้งนี้สร้างบาดแผลฝังลึกในใจให้แบลามี่เป็นอย่างมากจนกลายมาเป็นความนับถือในที่สุด
หลังผ่านความพ่ายแพ้ครั้งแรกในชีวิตเกิดขึ้น เบรามี่และพวกซึ่งไม่เคยพ่ายแพ้มาก่อนต้องพบกับความสิ้นหวังที่น่ากลัวยิ่งกว่าความพ่ายแพ้นั่นคือ การมาเยือนของนายใหญ่ ดองกี้โฮเต้ โดฟามิงโก้ ที่มาพร้อมความโกรธเกรี้ยวที่ทำให้สัญลักษณ์ ดองกี้โฮเต้แฟมิรี่ ต้องมัวหมอง ที่ไปพ่ายแพ้ให้กับพวกมือใหม่ไร้ระดับ โทษที่สมควรได้รับคือความตายสถานเดียวเท่านั้น แต่ก่อนที่โดฟามิงโก้จะลงมือ เบลามี่ขอซื้อชีวิตของเค้าด้วยราคาเดียวกันกับราคาค่าหัวของลูฟี่ โดฟามิงโก้เมื่อได้ยินก็หัวเราะแล้วตอบว่า
หลังจากนั้นเบลามี่จึงนำพรรคพวกที่เหลือเดินทางเข้าสู่เกาะแห่งท้องฟ้าเพื่อหวังจะตามกลุ่มของลูฟี่ให้ทัน แต่ก็ถูกขัดขวางโดยการ์ดของเทพแห่งสกายเปีย แต่ก็ไม่มีการต่อสู้เกิดขึ้น เพราะ.....หัวหน้าการ์ดคิดว่าเบลามี่เป็นพวกเดียวกับลูฟี่จึงนำเสาทองคำออกมาให้เพื่อฝากไปให้คุณลูฟี่ที่มีบุญคุณต่อพวกเค้ายิ่ง เบลามี่เมื่อเห็นโอกาศจึงรับไว้แล้วรีบเดินทางต่อไม่นานเมื่อลงจากเกาะแห่งท้องได้ก็รีบนำเสาทองคำไปมอบให้โดฟามิงโก้ในทันที ทำให้ได้รับการยอมรับอีกครั้งในฐานะส่วนหนึ่งของครอบครัวที่คงอยู่ด้วยคำว่าผลประโยชน์ร่วมกัน
ปรากฏตัวครั้งแรกในม็อกทาวบนเกาะจายาซึ่งในขณะนั้น เบรามีกำลังเล่นไพ่อยู่กับ โรชิโอและไม่พอใจที่ตนแพ้จึงจัดการ โรชิโอซะเป็นการเปิดตัวที่แสดงให้เห็นถึงนิสัยของเค้าได้เป็๋นอย่างดี หลังจากนั้นไม่นาน ลูฟี่ โซโล นามิก็เข้ามาที่บาเพื่อถามวิธีไปเกาะแห่งท้องฟ้าโดยเบรามีพวกมองว่าเป็น เรื่องเพื้อฝันจึงเข้ามาสั่งสอนให้รู้ถึงโลกแห่งความเป็นจริง โดยที่ในขณะนั้นลูฟี่ถูกสั่งห้ามไม่ให้มีเรื่องจึงไม่โต้ตอบ หลังจากนั้นเบรามีรู้ว่า มองบลัง คริ๊กเก็ตมีทองคำที่ได้มาจากก้นมหาสมุทรอยู่จึงไปที่บ้านของ คริ๊กเก็ตและแย่งทองมาเป็นของตนโดยกล่าวว่า "การแย่งชิงคือความถูกต้องสำหรับชั้น:"แต่เมื่อลูฟี่รู้เรื่องเข้าจึงตามไปทวงเอาทองคืนและเกิดการต่อสู้กันขึ้นโดยผลจากความพ่ายแพ้ครั้งนี้สร้างบาดแผลฝังลึกในใจให้แบลามี่เป็นอย่างมากจนกลายมาเป็นความนับถือในที่สุด
หลังผ่านความพ่ายแพ้ครั้งแรกในชีวิตเกิดขึ้น เบรามี่และพวกซึ่งไม่เคยพ่ายแพ้มาก่อนต้องพบกับความสิ้นหวังที่น่ากลัวยิ่งกว่าความพ่ายแพ้นั่นคือ การมาเยือนของนายใหญ่ ดองกี้โฮเต้ โดฟามิงโก้ ที่มาพร้อมความโกรธเกรี้ยวที่ทำให้สัญลักษณ์ ดองกี้โฮเต้แฟมิรี่ ต้องมัวหมอง ที่ไปพ่ายแพ้ให้กับพวกมือใหม่ไร้ระดับ โทษที่สมควรได้รับคือความตายสถานเดียวเท่านั้น แต่ก่อนที่โดฟามิงโก้จะลงมือ เบลามี่ขอซื้อชีวิตของเค้าด้วยราคาเดียวกันกับราคาค่าหัวของลูฟี่ โดฟามิงโก้เมื่อได้ยินก็หัวเราะแล้วตอบว่า
"พวกแกอ่อนแอมันไร้ค่า แต่ชีวิตมีราคา "
หลังจากนั้นเบลามี่จึงนำพรรคพวกที่เหลือเดินทางเข้าสู่เกาะแห่งท้องฟ้าเพื่อหวังจะตามกลุ่มของลูฟี่ให้ทัน แต่ก็ถูกขัดขวางโดยการ์ดของเทพแห่งสกายเปีย แต่ก็ไม่มีการต่อสู้เกิดขึ้น เพราะ.....หัวหน้าการ์ดคิดว่าเบลามี่เป็นพวกเดียวกับลูฟี่จึงนำเสาทองคำออกมาให้เพื่อฝากไปให้คุณลูฟี่ที่มีบุญคุณต่อพวกเค้ายิ่ง เบลามี่เมื่อเห็นโอกาศจึงรับไว้แล้วรีบเดินทางต่อไม่นานเมื่อลงจากเกาะแห่งท้องได้ก็รีบนำเสาทองคำไปมอบให้โดฟามิงโก้ในทันที ทำให้ได้รับการยอมรับอีกครั้งในฐานะส่วนหนึ่งของครอบครัวที่คงอยู่ด้วยคำว่าผลประโยชน์ร่วมกัน
..................................
แบล็ค เบลลามี่ เป็นบุตรของ สตีเฟ่น เบลลามี่และอลิซาเบธ เขาเกิดใน เดวอนเชีย ทางตอนใต้ของประเทศอังกฏษ ช่วงวัยรุ่นเบลลามี่เข้าร่วมกับกองทัพเรืออังกฏษในการเป็นทหารเรือนานอยู่หลายปีจนอายุย่างเข้า 21 ปี แบล็คแซมออกเดินทางไปยังดินแดนโลกใหม่ที่มีชื่อว่า อเมริกา ที่ๆซึ่งเค้าได้ข่าวว่ามีเรือขนทองของพวกสเปนจมอยู่ก้นมหาสมุทร โดยเชื่อว่าเรือลำนี้น่าจะบรรทุกทองที่ได้มาจากการ ปล้นชิงมาจากชาวพื้นเมืองในแถบอเมริกาใต้และด้วยความโลภไม่คำนึงถึงน้ำหนักที่บรรทุกมาทำให้เรือไม่สามารถทนต่อคลื่นมหาสมุทรที่รุนแรงได้เรือลำนี้จึงน่าจะจมอยู่ในบริเวณแถบชายฝั่งทวีปอเมริกา
กุมภาพันธื 1717 เบลลามี่เริ่มต้นตำนาน เจ้าชายโจรสลัดของเค้าด้วยการออกปล้นเรือที่มีมูลค่ามากที่สุดและสวยงามที่สุดเท่าที่เค้าเคยพบมา มีชื่อว่า Slaver Whydah เรือสัญชาติอังกฏษที่เพิ่งกลับจากจาไมก้า เรือขนาด 300 ตัน บรรทุก งาช้าง ทับทิม น้ำตาลเครื่องปะดับเงิน และทองมาเต็มลำเรือ เบลลามี่ติดตามเรือลำนี้นานกว่า 3วันก่อนเข้าปล้นและยึดเรือมาเป็นเรือหลักของตนทำให้เค้ามีเรือในบัญชาสองลำประกอบด้วยเรือหลัก Whydah เป็นเรือธงขนาดใหญ่ สวยงามและมีประสิทธิภาพสูง ติดปืนใหญ่ที่ดาดฟ้า28 กระบอก เรือรองคือเรือ Mary Anne ที่มีกัปตันพอลดูแล ส่วนเรือลำเก่า Sultana ยกให้ลูกเรือที่ต้องการวางมือและแยกตัวเอาไปใช้
【】นอกเรื่องวันพีชความรู้รอบตัว【】
เบลามี่ Samuel Bellamy ฉายา แบล็กแซมหรือเจ้าชายโจรสลัด (Black Bellamy or Pirate Prince) ศตวรรษที่ 18
ซามูเอล เบลลามี่ (23 กุมภาพันธ์ 1689 – 26 เมษายน 1717)หรือที่รู้จักกันในฉายา แบล็กเบลลามี่ (Black Bellamy) หรือแบล็กแซมเบลลาเจ้าชายแห่งโจรสลัด เค้าเป็นโจรสลัดหนุ่มที่มีความฝัน มุ่งมั่นที่จะค้นหาสมบัติที่สาบสูญ จนในที่สุดก็กลายมาเป็นโจรสลัดที่มั่งคั่งที่สุดในยุค ชื่อเสียงของเบลลามี่เริ่มเป็นที่สนใจเมื่อเรือธงของเค้าถูกค้นพบที่นอกชายฝั่ง ฟรอริด้าพร้อมกับสมบัติมากมายบนเรือ ทำให้เราได้ทราบเรื่องราวของเค้าว่าเรือของเค้าล่มอยู่นอกชายฝั่ง ในขณะที่เค้ากำลังจะเดินทางกลับมาหาคนรักเพื่อขอเธอแต่งงาน
แบล็กเบลลามี่ - Black Bellamy |
ต้นปี 1716 แบล็กแซมเดินทางไปถึง Eastham Harbor (แมสซาซูเซด – อเมริกา)ที่นี่เองที่เค้าได้พบรักกับ มาเรีย( Maria Hallett)สาวน้อยวัย 15ปีมันเป็นรักแท้ที่แสนประทับใจแต่ดูเหมือนรักนี้จะมีอุปสรรค์เมื่อพ่อแม่ของเธอคิดว่า เบลลามี่ไม่คู่ควรและยากจน ทำให้เบลลามี่มีความมุ่งมั่นที่จะเป็นกัปตันเรือที่ยิ่งใหญ่ให้ได้และจะกลับมาขอเธอแต่งงาน หลังจากที่เบลลามี่ออกเดินทางไป มาเรียก็ตั้งท้องลูกของเบลลามี่แต่ก็แท้งและถูกขับไล่ออกจากเมืองแม้จะยากลำบากมากกับการใช้ชีวิตอยู่ตัวคนเดียวแต่เธอก็ยังรอคอยการกลับมาของชายที่เธอรัก
แบล็กแซมเริ่มต้นค้นหาสมบัติโดยร่วมมือกับ พอล วิลเลยมส์(Paulsgrave Williams)เพื่อนที่เป็นเศรษฐีของเค้าในการเป็นนายทุนในการซื้อเรือและออกทุนทุกอย่างที่ใช้ในการหาสมบัติ แต่หลายเดือนผ่านไปเบลลามี่ก็ยังไม่พบอะไรมีพียงการค้นพบวัตถุโบราณเพียงเล็กน้อย จนกะทั่งเงินทุนที่มีหมดไป
ฤดูร้อน ปี 1716 เบลลามี่กับพอล เข้าร่วมกับ กัปตันฮอนิโกล (Benjamin Hornigold)ในการค้นหาสมบัติ อีกครั้งแต่ครั้งนี้สมบัติที่เค้าค้นหากลับเป็นสมบัติที่ไม่ได้จมอยู่ใต้ทะเลแต่กลับเป็นเรือขนสินค้าที่มีมากมายในทะเลและมีมูลค่ามหาศาล เบลลามี่ออกปล้นเรือทุกลำที่เค้าพบไม่เกี่ยงสัญชาติว่าจะเป็นชาติไหนหรือแม้แต่สัญชาติอังกฏษบ้านเกิดเค้าก็ไม่ยกเว้น จนทำให้ต้องขัดแย้งกับกัปตัน ฮอนิโกล(Hornigold)จนในที่สุดก็กลายมาเป็นการท้าทายเพื่อชิงตำแหน่งกัปตันแต่ดูเหมือนนิสัยของเบลลามี่จะถูกใจลูกเรือที่เป็นโจรสลัดมากกว่าจนได้เป็นกัปตันเรือคนใหม่แทนที่กัปตันฮอนิโกลและยึดเรือ Mary Anne มาเป็นของตน การบังคับบัญชาของเบลลามี่มีประสิทธิภาพสูงมากมีเรือธงคือเรือ Sultana และมีเรือรองคือเรือ Mary Anne ที่ให้พอลดูแล เรือทั้งสองจะช่วยกันโอบล้อมข้าศึกช่วยให้เข้ายึดเรือจากทั้ง ซ้ายและขวาทำให้ง่ายแก่การยึดโดยไม่ต้องทำลายเรือทิ้ง
กุมภาพันธื 1717 เบลลามี่เริ่มต้นตำนาน เจ้าชายโจรสลัดของเค้าด้วยการออกปล้นเรือที่มีมูลค่ามากที่สุดและสวยงามที่สุดเท่าที่เค้าเคยพบมา มีชื่อว่า Slaver Whydah เรือสัญชาติอังกฏษที่เพิ่งกลับจากจาไมก้า เรือขนาด 300 ตัน บรรทุก งาช้าง ทับทิม น้ำตาลเครื่องปะดับเงิน และทองมาเต็มลำเรือ เบลลามี่ติดตามเรือลำนี้นานกว่า 3วันก่อนเข้าปล้นและยึดเรือมาเป็นเรือหลักของตนทำให้เค้ามีเรือในบัญชาสองลำประกอบด้วยเรือหลัก Whydah เป็นเรือธงขนาดใหญ่ สวยงามและมีประสิทธิภาพสูง ติดปืนใหญ่ที่ดาดฟ้า28 กระบอก เรือรองคือเรือ Mary Anne ที่มีกัปตันพอลดูแล ส่วนเรือลำเก่า Sultana ยกให้ลูกเรือที่ต้องการวางมือและแยกตัวเอาไปใช้
เมษายน 1717 หลังจากที่ได้เรือลำใหม่ที่แข็งแกร่ง และมีสมบัติมากมาย เบลลามี่แล่นเรือกลับไปอเมริกาเพื่อตามหามาเรีย ภรรยาของเค้าเพื่อทำคำมั่นสัญญาที่เคยให้ไว้กับเธอให้เป็นจริงว่าหากเค้าเป็นกัปตันเรือที่ยิ่งใหญ่เมื่อไหร่จะกลับมาหาเธอและรับเธอไปอยู่ด้วย เบลลามี่แล่นเรือเรียบชายฝั่ง แอตแลนติก เพื่อเลี่ยงการพบเจอจากเรือตรวจการ
พฏษภาคม 1717 เมื่อมาถึง Cape Cod เรือของเบลลามี่หลงอยู่หมอกหนา และต้องปะทะกับ ครื่น ลม พายุฝนขนาดใหญ่ จนเรือต้องอัปปางลง ลูกเรือทั้ง 148 คนจมน้ำหายไปเหลือรอดไปเกยฝั่งเพียง 8คน เท่านั้น 6 คนถูกแขวนคอในเวลาต่อมา อีก2คนอยู่รอดเพื่อเล่าเรื่องราวของเจ้าชายแห่งโจรสลัดและถูกขังไว้จนกว่าจะพบสถานที่ๆเรือจมและกู้สมบัติบนเรือได้สำเร็จซึ่งนั่นก็ต้องรอนานเกือบ 200 ปีเลยทีเดียวกว่าจะเจอ
.............................