ฉายา นายน้อย โจ็กเกอร์(BOSS JOKER)
- ปีศาจสวรรค์ ดองกี้โฮเต้ -
(HEAVENLY DEMON)
ค่าหัววันพีช 340,000,000
อายุ 39 ปี/ 23 ตุลาคม กรุ๊ปเลือด X
ส่วนสูง 305 cm( 10 ฟุต)
ปราการ ราชาแห่งเกาะเดรสโรซ่า(Dressrosa)
ตำแหน่ง ★ โจ็กเกอร์ (JOKER) ★ ปราการ ราชาแห่งเกาะเดรสโรซ่า(Dressrosa)
- ราชาแห่งเดรสโรซ่า(Dressrosa)
- ผู้ทำลายในเงามืด(Underworld Broker)
ผลปีศาจ อิโตะ อิโตะ(Ito Ito)พารามิเซีย/เหนือมนุษย์
ผลเชือก : สร้างเชือกที่ดูคร้ายเส้นเอ็นเพื่อใช้ในการผูกมัดสิ่งต่างๆทั้งอากาศหรือสิ่งมีชีวิต
อาวุธ พลังฮาคิเกราะ บุโซโชคุ(BusoShoku)
- พลังฮาคิแห่งการกดดัน หรือ "จิตแห่งราชันย์ผู้พิชิต" (Haoshoku Haki) อาวุธ พลังฮาคิเกราะ บุโซโชคุ(BusoShoku)
สมาชิก ลูกน้อง พิก้า(PICA),ไดอาเมนเต้(Diamante) ,เทรโบ(Trebol),โมเน่(Mone) ,เบบี้ไฟฟ์(BabY 5.),ลาว.จี (LOA.G) ,เดลลิงเกอร์(DELLINGER) ,ซินยอร์ ฟิ็งค์(SENOR PINK) ,มัคไวล์(MACHVISE) ,กาดิอุส(GLADIUS) ,บัฟฟาโร่(BUFFALO) ,ชูก้า(SHUGA) ,โจลา (JOLA)
เผ่าพันธุ์ มนุษย์
" ต่อจากนี้โลกจะเปลี่ยนแปลงไป.!!...
จะเป็นโลกที่ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นจะอยู่รอด..
ไม่มีที่ยืนสำหรับคนอ่อนแอ...มันจะเป็นยุคสมัยแห่งการแสวงหาอำนาจ
ที่จะนำมาซึ่งยุคสมัยใหม่ที่ต่างไปจากเดิม..."
กล่าวโดย โดฟามิงโก้
ดอนกีโฮเต้ เดอ ฟลามิงโก้(DOFLAMINGO) หลังผ่านยุคสมัยเก่าเข้าสู่ยุคสมัยใหม่รูปลักษณ์ของเค้าดูเรียบง่ายมากขึ้น สวมเสื้อเชิ๊ตสีสด ที่มีกระดุมเป็นสัญลักษณ์กลุ่ม สวมกางเกงขายาวลายทาง ยังคงสวมแว่นตากันแดดแต่เลนส์เปลี่ยนเป็นสีแดงและสวมเสื้อคลุมขนนกสีชมพูที่ดูเด่นไม่เสื่อมคลาย รวมทั้งรอยยิ้มที่เย่อหยิ่ง เหมือนกับว่าเค้าสามารถควบคุมทุกอย่างไว้ในกำมือ และไม่มีผู้ใดขัดขวางเค้าได้ นิสัยของเค้าดูเลวร้ายมาก เป็นคนซาดิสต์ชอบที่จะทรมานเหยื่อทีละน้อย คอยเฝ้ามองความสิ้นหวังที่ไม่อาจหนีพ้นความตายไปได้ของศัตรู และ ยังชอบที่จะเห็นผู้คนล้มตาย หรือเข่นฆ่ากันเองแม้มันจะไม่ใช่ฝีมือของเค้าเองก็ตาม
- ชื่อของ ดองกี้โฮเต้ โดฟามิงโก้มาจากชื่อของนักเดินเรือและนักสำรวจดินแดนใหม่หรือเรียกกันว่าการสำรวจโลกใหม่ 2คนคือ
1/ดอน กิโฮเต้(Don Quixote)-เป็นตัวละครในนวนิยายที่ชาวสเปนเขียนขึ้น
2/โดมิงโก้ มาติเนส เดอ อิราล่า(Domingo Matinez de Irala)เป็นชาวสเปนสำรวจในแถบลุ่มแม่นำ้พารานาของประเทศปารากวัย
...........................
【】 เปิดตำนาน กวีมือทองชาวสเปน มิเกล เด เซรบานเตส ซาเบดรา กับผลงานชิ้นเอกในศตวรรษที่ 16 - ดอนกิโฆเต้/DON QUIXOTE Man Of La Mancha 【】
โดฟามิงโก้ นายน้อยแห่งกลุ่มโจรสลัดดองกี้โฮเต้ เป็นผู้มีความสามารถจาก ผลปีศาจ อิโตะ อิโตะ Ito Ito : Sting Sting เป็นมนุษย์เชือก ความสามารถของพลังนี้จัดว่าเป็นหนึ่งในที่สุด ที่เชื่อว่ามีขอบเขตยาวที่สุด โดยความยาวของเชือก จะถูกสร้างขึ้นยาวเท่าที่ตามองเห็นได้ จึงจำเป็นต้อง เชื่อมต่อกับบางสิ่งคร้ายการผูกเชือกเส้นเล็กๆเข้าด้วยกันจนยาวไม่สิ้นสุดโดยเชื่อกันว่าพลังนี้สามารถเชื่อมต่อ ได้ทุกสิ่งแม้สิ่งที่จับต้องไม่ได้ เพียงแค่รู้สึกได้ว่ามีตัวตนอยู่ เชือกนี้ก็สามารถผูกมัดและเชื่อมต่อให้เป็นส่วนหนึ่งกับร่างกายผู้ใช้ได้อย่างง่ายดาย โดยหลักเชือกมักถูกสร้างขึ้นจากมือทั้งสองข้างและนิ้วทั้งสิบ โดยมีลักษณะคร้ายเส้นเอ็นที่มองไม่เห็น มีความแข็งแกร่งมากน้อยขึ้นอยู่กับวิธีการใช้ เช่นเชือกที่ออกมาจากปลายนิ้ว จะมีขนาดเล็กแต่ก็มีความคมสูง ใช้ตัดวัตุถหรือใช้ในการผสานเข้ากับร่างกายสิ่งมีชีวิตเพื่อใช้ควบร่างกายผ่านเส้นเอ็นภายในร่างกาย ส่วนเชือกที่ออกมาจากผ่ามือมีขนาดใหญ่กว่ามาก จึงแข็งแกร่ง คร้ายแส้โดยหลักมีไว้ใช้โจมตีศัตรูและใช้สังหารให้ตายในครั้งเดียว
จุดอ่อน : ยังไม่ปรากฏให้เห็นเด่นชัดแต่เป็นไปได้ว่าระยะสายตามีความสัมพันธ์ต่อการบังคับเชือก รวมถึงการควบคุมร่างกายศัตรูอาจไม่ทำได้หากมือบาดเจ็บ
ปีศาจสวรรค์ เดอ ฟลามิงโก้ - Sky DEMON |
"ความถูกต้องมันก็แค่คำพูดสวยหรู.!.!....ที่พวกคนอ่อนแอมักพูดกัน...
ในโลกใบนี้ ...มันเป็นที่ๆซึ่งผู้แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะยืนอยู่ได้....
และผู้ที่ยืนหยัด..!..เป็นคนสุดท้ายจะเป็นราชาโจรสลัด..."
โดฟามิงโก้ นายน้อยโจ็กเกอร์แห่ง ดองกี้โฮเต้ แฟมิรี่ เป็นผู้มีความสามารถสูงในทุกๆด้านจนแทบเดาไม่ได้ว่าเค้าจะมีจุดจบเช่นใด พื้นเพของเค้าจัดว่ายังคงมีความลับอีกมากรู้เพียงแต่ว่าเค้าเป็นหนึ่งในชนเผ่าโบราณ ที่แยกตัวออกมาจากกลุ่ม 20 กษัตริย์เพื่อทำตามใจตนเองแต่ก็ไม่รู้ว่า คนอื่นในตระกูลอยู่ที่ใดหรืออาจเป็นไปได้ว่าตระกูลของเค้าจะเหลือเพียงโดฟามิงโก้เพียงคนเดียวเท่านั้น ความโดดเดี่ยวของเค้าทำให้ กลุ่มของเค้ามีรูปแบบที่ดูเหมือนครอบครัวนั่นก็เพื่อชดเชยสิ่งที่เค้าขาดหายไป...โดยสมาชิกในกลุ่มจะมีหลากหลายอายุที่ต่างกันมีทั้งเด็ก วัยรุ่น ผู้ใหญ่ ลุง ป้า น้า อา อยู่รวมกันอย่างปรองดองโดยมี โจ๊กเกอร์..เป็นหัวหน้าครอบครัวเป็นผู้ดูแลและตั้งกฏที่ทุกคนต้องยึดมั่น ต้องปกป้องซึ่งกันและกัน ถนอมน้ำใจกัน และจะไม่ยอมเด็ดขาดให้คนภายนอกมาทำร้ายคนในครอบครัว เรื่องภายในต้องเคลียกันเองแต่หากทำร้ายกันเองมันจะเป็นเรื่องที่ต้องลงมือจัดการกำจัดเนื้อร้ายที่กัดกินความเป็นครอบครัวด้วยตัวเอง
โจ็กเกอร์ ปรากฏตัวให้เห็นครั้งแรกในดินแดนแกรนไลต์หลายครั้งโดยแต่ละครั้งแสดงให้เห็นถึงความร้ายกาจ และความยโสที่น่าหมั่นใส้ จนเชื่อได้ว่ามันต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน และก็เป็นจริง...กลุ่มของเค้าประกอบด้วยสมาชิกเกือบ 20 คน ซึ่งแทบทุกคนมีพลังจากผลปีศาจแทบทั้งนั้น จึงจัดว่าเป็นกลุ่มที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยปรากฏมา ยิ่งใหญ่ซะยิ่งกว่า 7 เทพโจรสลัดคนใดจะมี จนคิดได้ว่าเค้าสร้างกลุ่มนี้ขึ้นมาเพื่อก้าวขึ้นไปอีกขั้นในระดับ 4 จักรพรรดิ แต่ทุกอย่างก็ต้องสะดุดเมื่อ ทาฟราก้า ลอว์ แห่งกองทัพโพธิ์แดงทำตัวเป็นปฏิปักษ์ และถอนตัวออกมา ทำให้โจ็กเกอร์โกรธมากจำเป็นต้องลงมาสะสางด้วยตัวเอง
เค้าตามลอว์ไปจนถึงดินแดนพังค์ฮาร์ซาด แต่ก็คลาดกันจนต้องกลับไปรอที่ เดรสโรซ่าไม่นานนักลอว์ก็ติดต่อมาและยื่นข้อเสนอให้ โจ๊กเกอร์ลาออกจากการเป็น 7 เทพโจรสลัดเพื่อแลกกับตัว ซีซ่า โคลว นักพัฒนาอาวุธคนสำคัญ แม้ตัวโจ๊กเกอร์เองจะรู้จุดหมายที่ลึกไปกว่านั้นแต่เค้าก็ยอมตกลงเพื่อให้ลอว์ตายใจและกลับมาที่เดรสโรซ่าอีกครั้ง.. เพื่อแลกตัวประกันที่ตกลงกันไว้โดยหารู้ไม่ว่า ...นี่เป็นกับดัก..ที่โจ๊กเกอร์วางไว้เพื่อให้ลอว์เข้ามาใกล้ตัวและจะได้จัดการเรื่องที่บาดหมางใจกันให้หมดไปโดยครั้งนี้จะไม่ใช่การปรับความเข้าใจกันภายในครอบครัวแต่จะเป็น การกำจัดส่วนเกินของครอบครัวออกไป....อย่างถาวร ....
..............................
【】นอกเรื่องวันพีชความรู้รอบตัว【】เปิดตำนาน ดอนกิโฆเต้ แห่งลามันช่า ขุนนางต่ำศักดิ์นักฝัน
Don Quixote อ่านว่า ดอน กิโฆเต ส่วนคนเขียนชื่อ Cervantes (เซรบานเตส)เรื่อง ดอน กิโฮเต นี้ มีชื่อเต็ม ๆ ว่า Don Quixote: Man of La Mancha (don ki'xote ðe la 'mantʃa) ถอดเป็นเสียงภาษาไทยว่า ดอน กิโฆเต: แมน ออฟ ลามันชา คนเขียน อย่างที่เกริ่นไปแล้ว ว่าคือ เซรบานเตส มีชื่อเต็มยศว่า Miguel de Cervantes Saavedra อ่านว่า มิเกล เด เซรบานเตส ซาเบดรา มีชีวิตอยู่ระหว่างช่วงปี ค.ศ.1547-1616ได้รับการยกย่องให้เป็นกวีเอกในยุคทอง ที่มีการวางพลอตเรื่องเป็นแบบ Picaresque romance ฉากอลังการ ที่กำหนดเรื่องให้เกิดในยุคการฟื้นฟูศิลปวิทยาในสเปน นวนิยายเรื่องนี้ได้รับการตีพิมพ์ 2 หน ด้วยกัน หนละตอน ว่างั้นเหอะ ตอนแรก พิมพ์ใน ค.ศ.1601 และตอนที่สองใน ค.ศ.1615 ยิ่งกว่านั้น นวนิยายเรื่องนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในวรรณกรรมชิ้นเอกของโลก
"..ไม่ว่าสภาพความเป็นจริงจะเป็นอย่างไร
ก็ไม่อาจมาขวางกั้นขอบเขตแห่งจิตนาการ...แม้ในยามอับจนสิ้นไร้
ความฝันใฝ่ก็ยังปราศจากเขตแดน.."
ณ คุกใต้ดินแห่งหนึ่งในนครเซบิลยา ประเทศสเปน มิเกล เด เซรบานเตส ถูกศาลศาสนาจับกุมมาคุมขังรวมกับนักโทษอื่น ๆ ซึ่งมีทั้งหัวขโมย ฆาตกร แมงดาและโสเณี บรรดานักโทษเหล่านี้ ล้วนอยู่กันอย่างซังกะตาย ทุกคนต่างหมดสิ้นความหวังในชีวิต และภายในคุกนี้ เซรบานเตสก็ยังถูกนักโทษด้วยกัน กล่าวหาว่าเป็นนักอุดมคติ กวีชั้นเลวและคนซื่อ ซึ่งเขาก็ยอมรับในข้อกล่าวหา แต่เซรบานเตสก็ยังขอโอกาสต่อสู้คดี เพื่อแก้ข้อกล่าวหา ด้วยการนำเสนอละคร อันเป็นเรื่องราวของ ดอน กีโฆเต้ อัศวิน แห่งลามันช่า ผู้พร้อมที่จะต่อสู้กับเหล่าอธรรม และใฝ่ฝันถึงแต่สิ่งที่ดีงาม แล้วเขาก็ได้จุดไฟฝัน ให้สว่างขึ้นมาในหัวใจของปรรดาผู้สิ้นไร้ ซึ่งครั้งหนึ่งต้องดำรงอยู่อย่างยอมรับสภาพความจริง ของชีวิตอันยากแค้นขมขื่น เนื้อเรื่องย่อ ตอนที่ 1 เป็นเรื่องชีวิตของสุภาพ บุรุษยากจน หลังเกษียณอายุ เขาคือ Alonzo Quixano ที่อาศัยอยู่ ณ แคว้น La Mancha อะลองโซเป็นนักอ่านตัวยง ที่ชื่นชอบเรื่องราวเกี่ยวกับอัศวิน กับการประลองระหว่างอัศวินในยุคกลาง จนถึงกับฝันว่าวันหนึ่งเขาจะต้องเลียนแบบพฤติกรรมของพระเอกในหนังสือ และจะรื้อฟื้นคตินิยมของอัศวินขึ้นมาใหม่ให้ได้ ด้วยเหตุนี้อะลองโซจึงเปลี่ยนชื่อเป็น ....
"Don Quixote de la Mancha"
ดอน กิโฆเตเดินทางผจญภัยตามความคิดของเขา และมักจะเริ่มการปฏิบัติการที่ไม่สู้จะเข้าท่าเท่าใด เช่น การบุกเข้าไปในกองคาราวานพ่อค้า เพราะคิดว่าเป็นกองกำลังฝ่ายตรงกันข้าม เป็นเหตุให้เขาถูกพวกพ่อค้ารุมทำร้ายอย่างรุนแรง เพราะคิดว่าเขาเป็นชายแก่สติเสียที่บุกเข้ามาในกลุ่มของตน เขาต้องกลับบ้านอย่างสะบักสะบอม โชคดีที่เขามีพระประจำหมู่บ้านที่แสนดี คือ Pedro Perez กับช่างตัดผมชื่อ Master Nicholas มาช่วยดูแล และเพื่อให้ตาดอนลดความบ้าคลั่งลงบ้าง ทั้งสองคนจึงเผาห้องสมุดหนังสืออัศวินเสีย แต่ดอนกลับทึกทักว่าห้องสมุดของเขาถูกพ่อมดขี้ขโมยเข้ามาคุกคาม ทำให้เขาต้องออกเดินทางใหม่พร้อมกับซานโช ปานซา ส่วนสตรีที่ดอนสมมติให้เป็นหวานใจอัศวิน คือสาวชาวบ้านที่มีฝีมือในการทำหมูเค็มมีชื่อใหม่ว่า Dulcinea del Toboso
อันที่จริงแล้วอัศวิน และเจ้าเด็กติดตาม หรือ สไควร์น่าจะออกเดินทาง ตอนกลางคืน แต่ดอนคิดว่าควรจะให้ทุกคนได้เห็นความกล้าหาญของเขา ที่พร้อมจะออกไปสู้ศึกเยี่ยงอัศวินผู้กล้า เขาเริ่มการผจญภัยเมื่อได้เห็นกังหันลมซึ่งดอนเหมาว่าเป็นสัตว์ประหลาด เขาควบม้าของเขาเข้าจู่โจมทันทีโดยคิดว่ากังหันลมนั้น คือยักษ์ที่ชั่วร้าย ปรากฎว่าใบพัดของกังหันอันหนึ่งหมุนมาปะทะร่างของเขาจนลอยละลิ่วไปในอากาศ ปานซาต้องดึงตัวดอนขึ้น และพยายามเปลี่ยนความตั้งใจที่จะสู้กับสิ่งไม่มีชีวิตนั้น แต่ดอนก็ย้ำให้ปานซาเข้าใจว่ากังหันลมนั้น คือ พ่อมดที่ปลอมตัวมา
การผจญ ภัยต่อมาของดอน กิโฆเต ตามลำดับ คือ การได้พบพระสองรูป และชายสองคนที่ขี่ม้ามาพร้อมกับรถนั่งที่มีสตรีนางหนึ่งนั่งมาด้วย ดอนเริ่มฝันทันทีว่าหญิงนั้นเป็นเจ้าหญิงที่ถูกลักตัวมา เขาต้องเข้าไปช่วยเธอจากโจรร้าย ครั้งนี้เขาถูกพระและชายหนุ่มบนหลังม้าขัดขวางเต็มที่ ผลก็คือดอนต้องเจ็บตัวอีก ต่อมาเมื่อเดินทางไปถึงโรงแรมเล็ก ๆ ดอนก็เข้าไปสอดแทรกในการนัดพบกันระหว่างชายแบกหามกับสาวใช้ ดอนถูกคนแบกหามตี และเจ้าของโรงแรมก็เรียกร้องค่าเสียหายที่ดอนเข้ามก่อเรื่องวุ่นวาย ทั้งสองคนต้องพากันหนีเตลิดเปิดเปิงแบบคลุกฝุ่น ที่เกิดจากการเดินทางของฝูงแกะสองกลุ่มใหญ่ แทนที่ดอนจะพยายามเข้าใจว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร เขาก็กลับคิดว่าฝุ่นนั้นเกิดจากการต่อสู้ระหว่างอัศวินสองฝ่าย เขารีบเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยทันที ฝูงแกะเกิดแตกตื่น เด็กเลี้ยงแกะจึงเอาก้อนหินปาดอนจนบาดเจ็บ
เพื่อน ๆ ของดอนรู้ว่าไม่สามารถจะห้ามดอนได้ จึงได้แต่จัดให้มีผู้ติดตามดอนไป จุดหมายแรกของดอน คือบ้านของ Dulcinea ที่ El Toboso เขาไปแอบซุ่มอยู่ในป่า ซานโชเห็นหญิงสาวสามคนขี่ม้าออกจากหมู่บ้าน เขาจึงขี่ม้าไปบอกดอนว่าดัลซิเนียกับสาวใช้เดินทางออกมาแล้ว ดอนรีบออกไปกล่าววาจาต้อนรับแบบคนบ้า ทำให้หญิงสามคนตกใจหนีไป สองคนนายบ่าวก็ปักหลักอยู่ในป่าที่เดิม พอดีมีอัศวินกับสไควร์อีกคู่หนึ่งโผล่มา อัศวินคนใหม่โม้ว่าเขาสามารถปราบอัศวินทุกคนในสเปน ฝ่ายดอนไม่ยอม เขาท้าอัศวินหน้าไหม่มาสู้กัน อัศวินคนใหม่ตกจากหลังม้า ปรากฎว่าแท้จริงเขาคือ Carrasco นักศึกษาที่ปลอมตัวมา ส่วนสไควร์ก็คือเพื่อนของซานโช และคารรัสโกนั้นโกรธมากที่ต้องพ่ายแพ้ดอน และสาบานวาจะแก้แค้น
ดอนกับซานโชเดินทางต่อไปพบกับคนลาก เกวียนบรรทุกสิงห์โตผ่านมา ดอนเข้าไปขอร้องให้เจ้าของเปิดกรงเพราะสงสารสิงห์โตที่ถูกขัง เจ้าของสิงห์โตเชื่อฟัง และเปิดกรงสิงห์โต ถ้าสิงห์โตออกมาจริง ๆ ดอนก็คงจะแย่ แต่น่าเแปลกที่สิงห์โตกลับไม่ยอมออกจากกรง มันเพียงแต่ยืนขวางประตูอยู่เท่านั้น ดอนจึงรอดตายมาร่วมงานแต่งงานของคู่บ่าวสาว ที่เจ้าบ่าวใช้เล่ห์เหลี่ยมหลอกเจ้าสาวมาแต่งงาน โดยบอกเจ้าสาวของเขาว่า เขาเป็นชายร่ำรวยที่เจ้าสาวเลือกไว้ ดอนพยายามจะเข้าไปเกี่ยวข้องตามเคย ก่อนที่จะเดินทางต่อไป Caves of Montesinos ที่เขาไปนอนหลับอยู่ที่ก้นหลุมพร้อมกับความฝันว่าได้ใช้เวลาถึงสามวันในวัง และในป่ามหัศจรรย์กับดัลซิเนียที่เขาหลงรัก และเทิดทูน
ครั้นแล้วดอน ก็เดินทางมาถึงโรงแรม และได้พบคนเชิดหุ่นเจ้าเล่ห์ที่ทำให้ดอนกับลูกน้องต้องหนีลงเรือที่แม่น้ำเอ โบรไป พบกังหันลมขนาดใหญ่ที่ทำให้ดอนฝันต่อว่าเขาเดินทางไปถึงเมืองใหญ่ ที่รอให้เขามาปลดแอก เขาเดินหลงทางเข้าป่าได้พบกับนางพรานสาวที่อ้างว่ารู้เรื่องอัศวิน และคนรับใช้เป็นอย่างดี ทั้งสองคนจึงตามเธอไปที่ปราสาทของดุ๊กกับดัทเชส ที่ได้รู้เรื่องการผจญภัยของเขาก่อนหน้านี้ มีการแสดงเรื่องของดัลซิเนียผู้เศร้าสร้อยซึ่งแท้จริง คือคนรับใช้ของท่านดุ๊กปลอมตัวมา ฝ่ายซานโชถูกเฆี่ยนถึง 500 ที และต้องร่วมเล่นตลกโดยขี่ม้าไม้วิเศษในเรื่องเข้าไปในป่า ทั้งสองถูกปิดตาขี่ม้าโดยถูกพวกคนรับใช้เป่าลมเข้าหน้ากับใช้ไต้ส่องทาง ประชิดที่หน้า
ซานโชตัดสินใจเดินทางไปที่เกาะ ซึ่งก็ คือหมู่บ้านภายใต้การปกครองของดุ๊กกับดัทเชส เขาอยู่ที่นั่นหนึ่งอาทิตย์แล้วจึงออกเดินทางไปพร้อมกับดอน ครั้งแรกมุ่งไปที่ Saragossa ต่อมาเปลี่ยนไป Barcelona (บ้านเชร็ค) ซึ่งประชากรที่นั่นได้ล่วงรู้เรื่องราวการผจญภัยของดอนมาก่อนด้วย เขาทั้งสองได้เป็นแขกของ Moreno ที่ขอให้ทั้งสองคนไปตรวจดูห้องๆ หนึ่งที่ต่อมากลับกลายเป็นห้องในเรือที่มีโจรสลัดไล่ติดตามออกทะเล ซานโชกลัวมาก เพราะนอกจากโจรสลัดแล้วก็ยังมีอัศวิน White Moon เดินทางมาบาเซโลนามาท้าดวลกับดอน ผลการต่อสู้คือการที่ดอนแพ้ และปรากฎในภายหลังว่าอัศวินที่มาท้าทายนั้นคือ Carraso นั่นเอง
............................