- จักรพรรดิ ดำ -
( BLACK YONKOU )
ค่าหัว 2,247,600,000
- จับตาย 0 เบรี
อายุ 38+2 ปี / เกิด 3 สิงหาคม
กรุ๊ปเลือด F
ส่วนสูง 344 cm.(11 ฟุต 2นิ้ว)
ตำแหน่ง จักรพรรดิหนวดดำ/D.TEACH
- ราชายุคสมัยแห่งความกลัว(FOUR EMPERORS)
۞ THE GREAT KING BLACKBEARD ۞
- กัปตันกลุ่มโจรสลัดหนวดดำ(CAPTION OF BLACKBEARD PIRATE)
ผลปีศาจ 2 ชนิดในร่างเดียว
มือขวา★ยามิ ยามิ (YamiYami)สายโลเกียปฏิปักษ์ในตำนาน
ผลความมืด : ดูดกลืนทุกสิ่งรวมถึงการดูดกลืนพลังผลปีศาจของผู้อื่นด้วย
มือซ้าย★กูระ กูระ (GuraGura)สายพารามิเซียในตำนาน
ผลสั่นสะเทือน : สร้างครื่นพลังสั่นสะเทือนในระดับสูงจนแม้แต่อากาศยังระเบิด
อาวุธ กรงเล็บใบมีดและปืนสั้นหลายกระบอก
ลูกเรือ สมาชิกกลุ่ม VanAuger ,JesusBurgess ,Doc-Q ,Lafitte ,Stronger ,Shiryuu ,SanJuanWolf ,BascoShot ,CatarinaDevon ,AbatoPizaro
เผ่าพันธุ์ มนุษย์ผู้สืบสายเลือดแห่ง D. (มีความพิเศษอยู่ที่ร่างกายที่ผิดปกติ)
"พลังแรงดึงดูด จากความมืด..ที่สามารถลบล้างได้ทุกสิ่งและ
พลังแผ่นดินไหว อันไร้เทียมทาน...ที่ทำลายได้ทุกสิ่ง.....
เมื่อได้พลังสองอย่างนี้มา ฉันก็ไร้คู่ต่อสู้ ฉันคือ...ผู้แข็งแกร่งที่สุด "
กล่าวโดย จักรพรรดิดำ ดี.ทีช
ประวัติ.จักรพรรดิดำ มาร์แชล ดี ทีช(Marshall D.Teach) หลังจากทีชได้ขึ้นเป็น 1ใน4 จักรพรรดิแทนที่ตำแหน่งของหนวดขาว ทีชกระหายในอำนาจอย่างบ้าครั่งเริ่มแผนการที่วางไว้โดยการตะเวณยึดครองเขตปกครองที่เคยเป็นของหนวดขาวมาเป็นของตน และเริ่มท้าทายบรรดาจักรพรรดิคนอื่นอย่างไม่เกรงกลัวโดยการกำจัดผู้มีพลังผลปีศาจที่ร้ายกาจซึ่งส่วนมากเชื่อได้ว่าน่าจะเป็นเหล่าบรรดาหัวหน้ากลุ่มของจักรพรรดิคนอื่น ความแข็งแกร่งของทีชลือกะช่อนในโลกใหม่อย่างรวดเร็วกับการ ล่าความสามารถของผู้มีพลังผลปีศาจที่ร้ายกาจ ด้วยพลังผลความมืดที่เค้ามีทำให้เกิดปริศนาตามมาอีกมากมายว่าเค้า ดูดพลังเหยื่อของเค้า กักขังเพื่อให้ยอมจำนนหรือว่าฆ่าในทันทีเพื่อลดจำนวนผู้มีพลังลงเพื่อง่ายแก่การปกครองแต่ไม่ว่าเค้าจะทำยังงัยทุกอย่างน่าจะอยู่ในเงื่อนไขที่ว่าพลังมีได้เพียงหนึ่งไม่ว่าจะอยู่กับใครก็ตาม
.........................
ปีศาจดำ มาแชล ดี. ทีช จักรพรรดิดำแห่งกลุ่มโจรสลัดเดอะ แบล็กเบียด หลังจากที่ได้กินผลปีศาจและเป็นผู้มีพลังจากผลปีศาจพลังของทีชก็ดูเหมือนจะร้ายกาจขึ้นเรื่อยๆมันเป็นพลังที่ดูเป็นปริศนาและชั่วร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ มันมีชื่อว่า ผลปีศาจโยมิ โยมิ YomiYomi : Darkness ผลความมืดเป็นพลังสายโรเกียด้านลบที่ร้ายกาจที่สุด เป็นพลังแห่งความว่างเปล่า โดยหลักพลังนี้คือพลังในการควบคุมสระสารความมืดที่ดูคร้ายควันดำที่เคลื่อนตัวได้ ดูดกลืนทุกสิ่งเข้าสู่หลุมดำไม่ว่าจะเป็น สิ่งมีชีวิตหรือสิ่งไม่มีชีวิต สสารหรือแม้แต่พลังจากผลปีศาจ พลังการดูดกลืนของทีชนั้นไร้ขีดจำกัดสามารถดูดกลืนได้มากเท่าที่ต้องการ แต่ถึงกะนั้นพลังหลุมดำถูกกล่าวโดยทีชว่ามันไม่ใช่พลังที่แข็งแกร่งอะไรเลย โจมตีใครก็ไม่ได้ แต่มันก็เป็นพลังที่ไม่มีใครเอาชนะได้เช่นกันซึ่งความลับของพลังเริ่มแสดงศักยภาพมากขึ้นทุกทีและกลายเป็นปริศนามากขึ้นเมื่อทีชเข้าสู่โลกใหม่ ที่ๆซึ่งพลังของผลปีศาจมีกันแทบทุกคนและเริ่มซับซ้อนมากขึ้น
จุดอ่อน : พลังการดูดกลืนของทีชในบางครั้งมันดูเหมือนเป็นการกินทุกอย่างที่ขวางหน้าจนทำให้มีพลังมากขึ้น ร่างกายใหญ่โตขึ้น ทำให้คาดเดาไปได้ว่าจุดอ่อนของเค้าน่าจะเป็นการที่ต้องทำลายเค้าจากภายในหรือก็คือการที่จะต้องอยู่ภายในหลุมดำนั่นเอง พลังจากผลไม้ป๊ศาจ กุระกุระ : พลังส่งครื่นสั่นสะเทียนในระดับสูง เป็นพลังสายพารามีเซียที่ร้ายกาจที่สุด เป็นพลังที่ดูคร้ายพลังสายโรเกียเพราะว่ามันจับต้องไม่ได้แต่ทว่าการสั่นสะเทือนเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติไม่ได้มันมีต้นกำเนิดเป็นการรวบรวมพลังไว้ที่กลางฝ่ามือแล้วปล่อยมันออกไปซึ่งพลังของมันเมื่อแรกเริ่มจะอ่อนแรงและเมื่อเริ่มขยายตัวมากขึ้นเป็นวงกว้างจะยิ่งทรงกำลังมากขึ้น เมื่อพื้นที่รอบข้างถูกทำลายจากการสั่นสะเทือน น้ำกลายเป็นครื่น แผ่นดินถล่มหรือแม้แต่ภูเขาเกิดการระเบิด
จุดอ่อน : พลังสั่นสะเทือนเป็นคลื่นเสียงที่ไม่เป็นเส้นตรงการโจมตีทุกครั้งจะขยายเป็นวงกว้างยากแก่การควบคุมทำให้แม้แต่พวกเดียวกันจะพลอยโดนเล่นงานไปด้วย นอกเสียจากว่าจะเป็นการโจมตีศัตรูโดยการสัมผัสซึ่งนั่นจะทำให้คลื่นพลังถูกส่งไปทำลายอวัยวะภายในแทนที่จะเป็นในอากาศ แต่ถึงแม้ว่ามันจะยากแก่การฝึกฝนให้ชำนาญแต่ทีชก็ดูเหมือนจะไม่วิตกกับมันสักเท่าไหร่เพราะเค้าใช้มันเพื่อทำลายทุกสิ่งอยู่แล้วโดยไม่ต้องมาคอยกังวลว่าใครจะต้องตาย
จักรพรรดิหนวดดำ / BLACK EMPERORS |
แตกต่างจากกำลังและความสามารถที่เรา.!!...!..
กำหนดและควบคุมมันได้ด้วยสองมือของเราเอง...."
มาร์แชล ดี ทีช เป็นหนึ่งในผู้สืบสายเลือดจากเผ่าพันธุ์โบราณที่มีชื่อว่า เผ่าพันธ์แห่งดี ที่เชื่อกันว่าน่าจะเป็นเผ่าพันธุ์ที่มีความสามารถทางกายมากที่สุดเผ่าหนึ่งในโลก ความสามารถของพวกเค้าไม่ใช่ความฉลาดหรือจำนวนคนที่มีมาก แต่กลับเป็นพลังร่างกายที่วิวัฒนาการมากกว่าเผ่าพันธุ์อื่นโดยในแต่ละคนต่างก็มีจุดเด่นแตกต่างกันไปในรายของทีช ปริศนาของเค้าถูกกล่าวโดย ฟีนิกซ์ มัลโก้ ซึ่งดูเหมือนว่าร่างกายของทีชนั้นน่าจะเป็นความผิดปกติจากภายใน ซึ่งทำให้คาดเดาว่าน่าจะเป็นที่หัวใจที่อาจจะอยู่ผิดที่หรืออาจมีมากกว่าหนึ่งซึ่งนั่นก็ยังคงเป็นความลับจนกว่าเค้าจะต่อสู้จนสุดกำลังและพูดมันออกมา
มาแชล ดี.ทีชวัยหนุ่ม/D.Teach |
..............................
【】นอกเรื่องวันพีชความรู้รอบตัว【】
เปิดตำนานจตุรอาชา 4เทวทูตแห่งวันสิ้นโลก(The Four Horsemen of the Apocalypse)
The Four Horsemen of the Apocalypseจตุรอาชาทั้งสี่นี้ได้ปรากฏให้เห็นอยู่ในพระคริสตธรรมคัมภีร์ ภาคพันธสัญญาใหม่ ในเล่ม Revelation ที่ถูกเขียนขึ้นโดยนักบุญ John The Evangelist ครับ
พระธรรมเล่มนี้นั้นเป็นคริสตธรรมใหม่ฉบับสุดท้าย (ฉบับที่ ๒๗) ที่เชื่อว่าถูกเขียนขึ้นโดยนักบุญ John The Evangelist โดยส่วนใหญ่เชื่อกันว่าเป็นนักบุญท่านเดียวกันกับที่เขียน Epistle of John และ Gospel of John ซึ่งเป็นพระธรรมฉบับก่อนหน้าครับ ที่ต้องบอกว่า “ส่วนใหญ่เชื่อว่า...” นั้นก็เพราะนักวิชาการที่ศึกษาเรื่องนี้เชิงลึกบางท่านเชื่อว่า Saint John มิใช่ผู้ที่เขียนหนังสือเล่มนี้ครับ เพราะมีการอ้างถึงหลักฐานต่างๆมากมายที่ทำให้เชื่อได้เช่นนั้น (ซึ่งจริงเท็จมากน้อยเพียงใดก็ยากจะบอกได้) แต่ไม่ว่าความจริงจะเป็นเช่นไรขออนุญาตไม่กล่าวถึงนะครับ เพราะต้องอธิบายและหยิบยกประเด็นมาเอ่ยถึงกันยาวเป็นหางว่าวเลยทีเดียวเชียว และอธิบายไปก็ยังคงหาข้อสรุปให้ไม่ได้อยู่ดีว่าเรื่องไหนจริงหรือเท็จอย่าง ไร ซึ่งในบทความนี้ ผมเลือกที่จะอิงว่า Saint John The Evangelist คือผู้ที่เขียนคริสตธรรมฉบับนี้ขึ้นครับ
The Four Horsemen of the Apocalypse นั้นมีที่มาจากเหตุการณ์ในช่วงนับถอยหลังสู่การพิพากษานั่นเอง โดยเหตุการณ์ในช่วงนี้จะกล่าวถึงจารึก (หรืออธิบายอย่างง่ายก็คือม้วนหนังสือ) ที่ถูกปิดผนึกเอาไว้ด้วยผนึกทั้ง ๗ ครับ โดยพระเยซูก็คือผู้ที่ได้ทำการปลดผนึกทั้ง ๗ ออกทีละดวง ซึ่งเมื่อผนึกดวงที่เจ็ดถูกปลดออกนั้นก็หมายถึงการมาของวันสิ้นโลกหรือวัน พิพากษานั่นเอง ว่ากันว่าผนึกแต่ละดวงนั้นมีความหมายถึงความเสื่อมทรามของมนุษย์ครับ ซึ่งในการปลดผนึกจารึก ๔ ดวงแรกนี้เองก็คือช่วงที่เหล่า Horsemen ปรากฏตัวออกมา
เมื่อพระเยซูทรงปลดผนึกของจารึกดวงแรกออก ก็มีสิ่งมีชีวิตหนึ่งปรากฏกายขึ้น โดยในพระธรรมได้กล่าวไว้ดังนี้...
“เมื่อผนึกดวงแรกเปิดออก ฉันก็ได้ยินเสียงของสิ่งมีชีวิตตนหนึ่งที่ดังกึกก้องดุจดั่งเสียงของกัมปนาท ซึ่งร้องว่า “มาเถอะ!!” ฉันมองไปที่ต้นเสียงและก็ได้เห็นม้าสีขาวตนหนึ่งที่มีผู้ควบขับประทับด้วย คันธนู และเขาก็ได้รับมอบมงกุฎก่อนที่จะควบขับออกไปดุจดั่งผู้พิชิตที่หมายมั่นใน ชัยชนะ”
สิ่งมีชีวิตที่ปรากฏกายออกมาจากผนึกดวงแรกนี้ก็คือ ชายหนุ่มสวมมงกุฎนามว่า Conquest ผู้ขี่ อาชาสีขาวบริสุทธ์ ถือคันธนูสีขาวเป็นอาวุธ ซึ่งแม้กระทั่งจนถึงเวลานี้ก็ยังคงไม่มีผู้ใดที่รู้ถึงความหมายที่แท้จริง ของ Horseman คนแรกนี้ครับ ส่วนใหญ่นั้นเชื่อว่า Horseman คนแรกนี้มีความหมายถึง “ความถูกต้อง” เพราะควบขับอยู่บนม้าสีขาวและสวมมงกุฎซึ่งดูคร้ายราชาความตายที่เค้ามอบให้จึงเป็นความตายที่สมควนและถูกต้อง แต่ด้วยเหตุที่ Horseman อีกสามคนนั้นมีความหมายถึงหายนะซึ่งเป็นแง่ร้ายมากกว่าแง่ดี ทำให้เชื่อได้ว่าผู้ถือสารคนแรกนี้น่าจะเป็นหายนะที่นำมาซึ่ง ”โรคระบาด” มีความหมายถึงการมาที่คาดไม่ถึง สัมผัสไม่ได้ แต่เมื่อรู้ตัวก็ตายเสียแล้ว เป็นคำเตือนให้สำนึกถึงความอ่อนแอในตัวมนุษย์ที่ไม่อาจหลีกหนีจากความตาย ไปได้พ้นไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม
“เมื่อผนึกดวงที่สองถูกเปิดออก ข้าได้ยินเสียงของสิ่งมีชีวิตตนที่สองเอ่ยร้องว่า “มาเถอะ!!” ทันใดนั้นเอง ม้าอีกตนหนึ่งก็ควบขับขยับออกมา ม้าที่มีกายสีแดงดุจดั่งเปลวเพลิง ผู้ควบขับขยับมันนั้นก็เป็นผู้ที่มีพลานุภาพมากพอที่จะช่วงชิงสันติสุขไปจาก โลกและก่อให้มนุษย์ผู้นี้ประหัตประหารกันกับอีกผู้หนึ่ง ผู้ควบขับม้าได้รับดาบเล่มโตเป็นอาวุธ”
ผู้ขี่ม้าตนที่สองนี้ก็คือ ชายร่างกำยำสวมเกราะนามว่า WAR ผู้ขี่ อาชาสีแดงรอบรอบด้วยเปลวเพลิง ถือดาบใหญ่คมกริบเป็นอาวุธ ผู้ควบขับคนที่สองเป็นผู้นำสารแห่ง “สงคราม” ความหมายของผู้สงสารคนนี้เป็นตีความได้หลายอย่าง ทั้งจากอาชาที่เค้าขี่ เป็นเหมือนคำเตือนถึงความคะนองในตัวมนุษย์ ความโกรธที่ขาดสติเหมือนไฟที่ลุกรอบตัวอาชาสีเพลิง ผู้ส่งสารผู้นี้จะ ปรากฏตัวขึ้นพร้อมคำพิพากษาที่ไร้ซึ่งคำพูด พาดฟันทุกสิ่งที่ขวางหน้าช่วงเวลานี้เป็นช่วงที่มนุษย์ไม่หลงเหลือความดีงามในจิตใจ ต่างฆ่าฟันมนุษย์ด้วยกันเองเพื่อสนองตอบความต้องการของตน ไม่สนใจในคำสอนของพระเจ้าที่ให้รักผู้อื่นก่อนตนและจงคิดว่าศัตรูเป็นเหมือนญาติสนิท
“เมื่อผนึกดวงที่สามถูกเปิดออก ข้าได้ยินเสียงสิ่งมีชีวิตตนที่สามเอ่ยร้องว่า “มาเถอะ!” เมื่อข้ามองไปที่ต้นเสียงก็ได้เห็นม้าสีดำตนหนึ่ง ผู้ที่ควบขับมันนั้นถือตาชั่งคู่หนึ่งไว้ในมือ ทันใดนั้นเอง ข้าก็ได้ยินเสียงที่ดังผ่านมาจากสิ่งมีชีวิตทั้งสี่ว่า ‘ข้าวสาลีหนึ่งทะนานราคาเท่ากับค่าแรงหนึ่งวัน ส่วนบาร์เล่ห์สามทะนานราคาเท่ากับค่าแรงหนึ่งวัน แต่จงอย่าทำลายน้ำมันและไวน์”
ผู้ขี่ม้าตนที่สามนี้ก็คือ ชายผิวขาวซีดร่างกายผอมแห้งหนังหุ้มกระดูกนามว่า Famine ยมทูตผู้ขี่ อาชาสีดำทมิฬ ถือตาชั่งแห่งคำพิพากษาเป็นอาวุธ ผู้อัญเชิญสารแห่ง “ความอดอยาก” และ “ความแห้งแล้ง” ผู้ถือสารคนนี้มีลักษณะชัดเจนที่สุดในบรรดาจตุรอาชาทั้งหมดเพราะเค้ามาพร้อมร่างกายเปลือยเปล่า ผอมแห้งและเปล่งวาจาถึงการกินที่ไม่เหมาะสม เค้าปรากฏตัวขึ้นเพื่อพิพากษา บรรดาเศรษฐีที่กักตุนอาหารจนผู้คนล้มตาย มีคนเห็นอาหารเป็นสิ่งไร้ค่าน้อยกว่าค่าของเพรชนิลจินดาที่กินไม่ได้ หรือมองว่าเหล้าไวน์ที่มอมเมาผู้คนมีความสำคัญมากว่าน้ำสะอาด เมื่อมีคนคิดเช่นนั้นเทวทูตผู้นี้จะปรากฏตัวขึ้นพร้อมตาชั่งที่ตวงวัดน้ำหนักความเห็นแก่ตัวและพิพากษาผู้ที่ความความพอดี
“เมื่อผนึกชิ้นที่สี่ถูกเปิดออก ข้าได้ยินเสียงของสิ่งมีชีวิตตนที่สี่เอ่ยร้องว่า “มาเถอะ!!” เมื่อข้ามองไปยังต้นเสียงก็พบกับม้าสีกะเลียวตัวหนึ่ง ผู้ควบขับมันนั้นมีนามว่ายมทูต และนรกก็ได้ตามติดเขามาด้วยจากทางเบื้องหลัง”
ผู้ขี่ม้าตนที่สี่ซึ่งเป็น ยมทูตผู้ปกปิดหน้าตา นามว่า DEAHT ยมทูตผู้ขี่ อาชาสีซีดเขียวดั่งศพ ถือเคียวคมกริบเป็นอาวุธ แต่บ้างก็ว่ายมทูตตนนี้ไม่ถืออะไรเลยเพราะมีมือทั้งสองข้างหยิบยื่นความตายให้มนุษย์อยู่แล้ว ผู้อัญเชิญสารคนที่สี่ซึ่งเป็นคนสุดท้ายและเป็นจุดจบของทุกสิ่ง เค้าเป็นผู้อัญเชิญสารแห่ง “ความตาย” มาสู่มนุษย์ ซึ่งรูปลักษณ์ของ Horseman ผู้นี้นั้นไม่มีการบอกเล่าเด่นชัด บ้างก็ว่าเค้าร่างเป็นโครงกระดูก แต่บ้างก็ว่าเค้าเป็นวิญญาณที่มีลักษณ์ของยมทูตหรือก็คือ Grim Reaper ยมทูตที่คอยรับวิญญาณมนุษย์ไปนรก เมื่อผู้ส่งสารคนนี้ปรากฏตัวขึ้นทุกสิ่งถูกทำลายไปจนสิ้นหลงเหลือเพียงแต่ความเงียบสงบ และวิญญาณบาปที่รอการพิพากษาจากพระเจ้าซึ่งแม้วันเวลาแห่งการพิพากษาจะล่วงเลยผ่านไปผู้ส่งสารตนนี้ก็จะยังคงอยู่ต่อไปข้างกายมนุษย์
...............................