ONEPIECE Spade Pirates_โปโตกัส ดี เอส _Portgas D. Ace ★ ポートガス・D・エー

WANTED Portgas D. Ace 

ฉายา ทายาทแห่งความชั่ว  
  (SON OF ROGER)
   - เอสหมัดอัคคี -
    ( FIRE FIST ACE )

ค่าหัววันพีช 550,000,000

-  จับตาย/เสียชีวิตแล้ว ( Deceased ) 
ส่วนสูง  185 cm (6ฟุต 1นิ้ว)

อายุ 20 ปี/เกิด 1 มกราคม
- เกาะบราเทอริลล่า-เซาธ์บลู (Baterilla/South Blue)  
อาวุธ มีดสั้นหางสิงโต( Shamshir Scimitar)

ตำแหน่ง กัปตันกลุ่มโจรสลัด สปาดี้(CAPTION OF SPADE PIRATE)

ผลปีศาจ เมระเมระ (Mera Mera)โลเกีย/ธรรมชาติธาตุไฟ

ผลเพลิงอัคคี : สายโรเกียมีร่างกายเป็นเปลวเพลิง ควบคุมไฟได้ดั่งใจ
ธาตุปฏิปักษ์-จุดอ่อน  แพ้ไฟที่ร้อนแรงกว่า-ลาวา 
ครอบครัว Gol D. Roger(พ่อ)  Portgas D. Rouge(แม่) Monkey D. Garp(ปู่) Monkey D. Luffy(น้องชาย)  
เผ่าพันธุ์  มนุษย์ ผู้สืบสายเลือดแห่ง.D(มีความสามารถพิเศษในด้านการต่อสู้มาตั้งแต่เด็ก)

"สิ่งที่ฉันต้องการ ไม่ใช่ชื่อเสียงหรือลาภยศ มีเพียงคำตอบเดียว..

ว่าฉัน..ควรเกิดมาหรือเปล่าในฐานะ.!!..ลูกของราชาโจรสลัด...."

กล่าวโดย เอสหมัดอัคคี

                ประวัติ.โปโตกัส ดี เอส (Portgas D. Ace) เป็นตัวละครที่มีเอกลักษ์เฉพาะตัวเป็นอย่างมาก สวมหมวกคาวบอย ไม่สวมเสื้อทำให้เห็นรอยสักของกลุ่มโจรสลัดหนวดขาวอย่างเด่นชัด ความแข็งแกร่งของเขา เป็นที่ประจักกันโดยทั่วแม้ในสายตาของลูพี่เองก็ตาม ความทนงในกำลังของตนทำให้เค้าคิดท้าดวลกับหนวดขาว ชายที่ได้ชื่อว่าแข็งแกร่งที่สุดในยุคสมัย แต่ผู้มารับมือในครั้งนั้นกลับเป็นจินเบการต่อสู้กินเวลานาน 3วัน3คืน แต่น้ำและไฟก็ไม่อาจเอาชนะกันได้ เวลาล่วงเลยจิตใจที่มุทะลุเริ่มอ่อนแรงลงจนท้ายที่สุดกลับกลายเป็นความนับถือเข้ามาแทนที่และค้นพบบ้านใหม่ที่เค้าโหยหามาตลอด
        - ในอดีตเมื่อครั้งยังเป็นรุกกี้หน้าใหม่กัปตันกลุ่มสปาดี้ เอสเคยถูกทาบทามให้เข้าเป็น 1ใน7 เทพโจรสลัด
...................
 ► เปิดตำนานโจรสลัดชาวโปรตุเกศ บาโซโลมิว โปรโตกัส ผู้เดินทางไกลจากบ้านเกิดเพื่อไป มีจุดจบสุดแสนอนาถในดินแดนที่ห่างไกล -BARTOLOMEO PORTUGUESE ◄

 

             โปรโตกัส ดี.เอส ในเวลาต่อมาก็ได้เป็นลูกน้องของกลุ่มโจรสลัดหนวดขาวที่แข็งแกร่งพอๆกับ ราชาโจรสลัดโกล โรเจอร์ และได้รับตำแหน่งหัวหน้ากลุ่มที่ 2 ของกลุ่มหนวดขาวจากผลงานมากมายซึ้งเป็นหัวหน้าของ มาแชล ดี ทีชลูกน้องที่อยู่ในกลุ่มที่สองมาก่อนทีชแต่ทีชไม่สนใจในตำแหน่งหัวหน้ากลุ่ม เอสจึงได้รับตำแหน่งแทน ด้วยความสามารถของ พลังของผลปีศาจสายโรเกีย เมรา เมร่า : Flame Flame ผลเปลวไฟ มีความสามารถสมบูรณ์แบบด้วยร่างกายที่สามารถเปลี่ยนเป็นไฟได้และสามารถเผาผลาญศัตรูให้มอดไหม้ได้ในพริบตา เปลวเพลิงของเอสถูกใช้ครั้งแรกหลังจากแยกจากลูฟี่แล้ว 3 ปีซึ่งนั้นแสดงให้เห็นว่าเค้าสามารถใช้พลังเปลวเพลิงอย่างชำนานได้อย่างรวดเร็วเพราะชื่อเสียงของเค้าในฐานะผู้ใช้ผลไม้เปลวเพลิงสะดุดตาพวกทหารเรือเป็นอย่างมาก เทคนิคการใช้เปลวเพลิงของเอสมีมากมายหลายแบบแต่ที่จัดว่าสุดยอดที่สุดนั้นคือการรวมพลังไฟก่อเกิดเป็นพระอาทิตย์ดวงใหม่ในชื่อท่า บัญญัติจักรพรรดิเพลิง หรือ มหาสุริยะจักรพรรดิเพลิง แค่ชื่อก็รู้ว่ายิ่งใหญ่และรุนแรงเพียงใดแต่ในเนื้อเรื่องโชคร้ายที่ต้องไปพ่ายแพ้ให้กับพลังผลไม้ปีศาจหลุมดำที่เอสไม่รู้จักทำให้ไม่รู้ถึงความสามารถของมันและไม่ได้ใช้ฮาคิในการต่อสู้ในครั้งนั้น
         จุดอ่อน : ความสามารถนี้แสดงให้เห็นแล้วว่าไม่สามารถทนต่อแม็กม่าได้และนี่คือจุดอ่อนสำคัญและเป็นจุดจบของเค้า

โปโตกัส ดี เอส - Portgas D. Ace

"ในวัยเด็กชีวิตฉันนั้นดำมืด.วันๆเอาแต่หลบ ซ่อน.เพื่อไม่ให้ใครจับได้

แต่มาวันนี้ด้วยพลังที่ฉันมีทุกอย่างจะเปลี่ยนไป.....

มันจะโชดช่วง เป็นอิสระ และไม่มีใครจับต้องได้เหมือนดั่งเปลวเพลิง"

            เหตุการณ์ครั้งประวัติศาสตร์ที่เป็นจุดเปลี่ยนของยุคสมัยที่ไม่เคยมีใครคาดคิดมาก่อน เริ่มต้นจากการที่ทีชได้แยกตัวออกจากกลุ่มและได้สังหาร ซัจหัวหน้าหน่วยที่ 4 และแย่งเอาผลไม้ปีศาจแห่งความมืดมาเป็นของตน เอสคิดจะติดตามไปในทันทีแต่ถูกห้ามโดย หนวดขาวและหัวหน้าหน่วยคนอื่นแต่เอสกลับไม่สนใจในคำทัดทานนั้น จิตใจของเค้าโกรธเกรี้ยวจนลุกเป็นไฟ รีบเร่งออกตามล่าหนวดดำในทันทีโดยก่อนไปเค้ากล่าวว่ามันเป็นความรับผิดชอบของเค้าในฐานะหัวหน้ากลุ่มที่ต้องจับทีชมาลงโทษให้ได้ด้วยข้อหาอันร้ายแรงที่สุดนั้นคือ การฆ่าพวกพ้อง 
           ในการตามล่าหนวดดำ ดำเนินไปอย่างยาวนานแต่เมื่อ พบศัตรูที่ตามหาเอสกลับพ่ายแพ้ให้แก่หนวดดำทำให้ถูกจับ และกำลังจะถูกประหารตามคำสั่งของรัฐบาลโลก ในช่วงก่อนการประหารจะเริ่ม จอมพลเซ็นโงคุ ได้กล่าวว่าการประหารเอสในครั้งนี้คือความถูกต้อง โดยเปิดเผยเหตุผลให้โลกได้รับรู้ว่าที่ต้องประหารเอส นั้นเป็นเพราะเอสแท้จริงแล้วก็คือลูกของ ราชาโจรสลัดโกล ดี โรเจอร์ นั้นเองการที่กองทัพเรือจัดการประหารเอสนั้นเนื่องจากจำเป็นต้องกำจัดสายเลือดของ โกลด์ โรเจอร์ จ้าวแห่งโจรสลัดให้หมดไปจากโลก และเพื่อเป็นการตัดไฟเสียแต่ต้นลม ก่อนที่หนวดขาวจะส่งเอสขึ้นไป ราชาแห่งโจรสลัดคนต่อไปจึงต้องทำการประหารเอส เพื่อไม่ให้เกิดยุคสมัยแห่งโจรสลัดขึ้นมาอีกครั้ง

ประวัติวัยเด็ก โปรโตกัส ดี.เอส(Ace Romance Dawn) 

  โกล ดี. เอส (Gol D. Ace)

" จริงใจ เหนียวแน่น และมั่นคงในคำสัญญา......     

นี่คือนิยามของคำว่าพี่น้องของพวกเราทั้งสามคน....."

        ช่วงชีวิตในวัยเด็กของเอสนั้นรันทดไม่แพ้ตัวละครเด่นตัวอื่นเลย  เอสเป็นลูกของราชาโจรสลัดโกล โรเจอร์ผู้มีชื่อเสียงหากดูตามชื่อแล้วเหมือนจะยิ่งใหญ่แต่ในความเป็นจริงมันเป็นตำแหน่งราชาแห่งความ เกียจชัง เครียดแค้น และถูกการสาปแช่งต่างๆนานาจากเหล่าโจรสลัดทำให้ทายาทของราชาโจรสลัดต้องแบกรับทุกอย่างสืบต่อจากผู้เป็นพ่อ แม้ว่าเจ้าตัวจะไม่ต้องการก็ตาม เอสเกิดบนเกาะที่มี ชื่อว่าบราเทอริลล่า(Baterilla)ในทะเลใต้(เซาธ์บลู-South Blue) ในวันที่เค้าเกิดมาลืมตาดูโลกเค้าเกิดมาพร้อมกับความรักอันเต็มเปี่ยมจากผู้เป็นแม่ เค้ารู้สึกปลอดภัยเมื่ออยู่ในอ้อมกอดของผู้เป็นแม่ที่ใบหน้าเต็มไปด้วยคราบน้ำตา..แต่ความสูขนี้ก็อยู่ได้ไม่นานเพราะแม่ของเอสสิ้นใจลงเมื่อเอสเกิดได้ไม่นาน

        หลังจากนั้นไม่นานการ์ปที่ได้รับการฝากฝังจาก โรเจอร์ให้ช่วยดูแลลูกของเค้าที่กำลังจะเกิดมา เมื่อการ์ปได้ข่าวถึงทายาทราชาโจรสลัดจึงรีบเร่งเดินทางไปรับตัวเอสในทันทีและพาไปที่ หมู่บ้าน ฟูซา(Fooshs)ในทะเลตะวันออก โดยนำไปฝากให้เพื่อนเก่าของเค้าที่ชื่อ ดาดันเลี้ยงดู...วันเวลาผ่านไปเอสถุกเลี้ยงมาอย่างทิ้งๆขว้างๆ ต้องยืนด้วยลำแข้งของตนเองโดยไม่คิดหวังพึ่งใคร  วันหนึ่งเค้าเข้าไปในเมืองโกอาเพื่อหวังจะออกไปสำรวจโลกให้กว้างกว่าที่เป็นอยู่แต่ดูเหมือนมันจะไม่เป็นดังที่เค้าหวังเพราะนั่นทำให้เค้าได้รู้ถึงชาติกำเนิดของตัวเองและได้รู้ว่าพ่อของเค้าเป็นที่เกียจชังของคนมากมายและความเกียจนั้นได้ถูกส่งผ่านยังทายาทซึ่งก็คือตัวเค้าเอง.. เอสเมื่อรู้ว่าไม่เป็นที่ต้อนรับจึงรีบเดินออกมาจากเมืองอย่างเงียบๆในทันทีพร้อมกับความโกรธแค้นที่มีต่อชาวเมือง เอสพยายามที่จะไม่เข้าไปในตัวเมืองอีกแต่ก็ยังสำรวจรอบๆตัวกำแพงเมืองซึ่งไม่มีคนมากนัก..และที่นอกกำแพงเมืองบริเวณ เนินกองขยะที่เรียกกันว่า สถานีสีเทาที่นั้นเอสได้พบกับซาโบเด็กรุ่นเดียวกันซึ่งในตอนนั้นเอสคิดว่าซาโบ นั้นอยู่ตัวคนเดียวเหมือนตนจึงยอมเปิดใจด้วยและกลายมาเป็นเพื่อนที่สนิทกันภายในเวลาอันรวดเร็ว

โกล ดี. เอส - Gol D.ACE

                ต่อมาเมื่อเอสอายุ 10 ขวบ พลโทการ์ปได้เดินทางมาที่เกาะอีกครั้งพร้อมพาเด็กที่ชื่อ ลูฟี่ ที่อายุน้อบกว่าเอส 3 ปีมาด้วยในช่วงแรกเอสคิดว่าลูฟี่นั้นเป็นหลานทหารเรือน่าจะมีความคิดเหมือนปู่ของเค้าหากเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยอาจจะนำความลับของเค้าและซาโบไปบอกคนอื่นหรือพวกทหารเรือก็เป็นได้จึงทำตัวเฉยชากับลูฟี่เรื่อยมา
        แต่เมื่อเวลาผ่านไปยิ่งทำตัวห่างเหินลูฟี่ก็ยิ่งตามติดเอสไม่ห่างจนในที่สุดก็เกิดเรื่องขึ้นจนได้เมื่อถูกจ้าวถิ่น กลุ่มโจรสลัด บลูแจมเข้าใจผิดคิดว่าเป็นพวกเดียวกันกับเอสและซาโบจึงจับตัวลูฟี่ไปเพื่อเค้นความลับที่ซ่อนสมบัติของเอสออกมา แต่ลูฟี่ก็ไม่ยอมปริปากจนถูกซ้อมปางตายเอสทนดูไม่ได้จึงเข้าไปช่วยออกมาทำให้ต้องเป็นศัตรูอย่างเต็มตัวกับโจรสลัดบลูแจมและจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้เอสได้เห็นถึง จิตใจอันบริสุทธ์และซื่อตรงจนยอมใจอ่อน ยอมรับลูฟี่เข้าเป็นพวกอีกคนของกลุ่ม 3 เกลอแห่งเขาโครโบ้ แม้ว่าในภายหลังเอสจะต้องร่วมมือกับบลูแจมในการทำเรื่องร้ายๆแต่ก็ทำอย่างจำใจแต่ก็ทนทำได้ไม่นานเพราะมันเลวเหลือเกิน จึงต้องซัดกับบลูแจมอีกครั้งโดยครั้งนี้เอสแสดงพลัง ฮาคิราชันต์ออกมาให้เห็นเป็นครั้งแรกด้วยวัยเพียง 10ขวบ ทำให้เอาชนะได้ในที่สุด

                วันเวลาแห่งความสุขและทุกข์ผ่านไปในวัย 17 ปีเอสตัดสินใจจะเดินทางออกจากเกาะเพื่อไปเป็นโจรสลัด โดยออกทะเลก่อนลูฟี่ 3 ปี เค้าใช้ชีวิตในฐานะหัวหน้ากลุ่มโจรสลัด สปาดี้ ที่มีชื่อเสียงอยู่ไม่นานก็ตัดสินใจท้าดวลกับราชาหนวดขาวเพื่อคว้าฝันที่ยิ่งใหญ่กว่ามาครองให้เร็วที่สุด  แต่ก็ต้องแพ้อย่างไม่เป็นท่าแต่ก็ถือว่าบรรลุเป้าหมายไปส่วนนึงเมื่อเค้าเข้าร่วมกับกลุ่มโจรสลัดหนวดขาวและได้มีครอบครัวที่เค้าโหยหาอีกครั้ง  
            หลังผ่านไป 2 ปีเอสพบลูฟี่อีกครั้งจึงพยายามชวนลูฟี่เข้ากลุ่มหนวดขาวด้วยหลายครั้งนั้นเพราะเป็นห่วงลูฟี่ที่ยังอ่อนแออยู่แต่ลูฟี่ปฏิเสธ..  เอสจึงได้แต่คอยดูอยู่ห่างๆ และเหตุผลอีกข้อที่ทำให้เอสต้องกำจัด หนวดดำให้ได้เนื่องจาก ลูฟี่เป็นเป้าหมายในการล่าของหนวดดำซึ่งเอสยอมให้เป็นแบบนั้นไม่ได้ จึงเป็นเหตุให้เอสถูกหนวดดำจับได้และส่งตัวไปให้พวกทหารเรือจนถูกตัดสินโทษประหารชีวิตเมื่อกลุ่มหนวดขาวพร้อมด้วยพันธมิตรและ ลูฟี่รู้ข่าวที่เอสถูกจับ  ได้รีบไปที่มารีนฟอร์ดในทันทีแต่ถึงแม้ว่าจะสามารถช่วยเอสออกมาได้แต่เอสต้องต่อสู้กับ พลเอกอาคาอินุผู้มีพลังผลปีศาจแม็กม่า การต่อสู้เป็นไปอย่างสูสีจนกระทั้งอาคาอินุเปลี่ยนการโจมตีมาที่ ลูฟี่ทำให้เอสต้องเข้าขวางจนพลาดท่าถูกหมัดแม็กม่าทลวงเข้ากลางลำตัว ทำให้ต้องจบชีวิตลงโดยก่อนสิ้นใจเค้าทิ้งข้อความสั้นๆก่อนตายไว้กับลูฟี่

  "ฉันเคยสัญญากับนายแล้วนี่ว่าฉันจะไม่ตายเราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป

แต่แล้วฉันก็รักษาสัญญาไว้ไม่ได้ขอโทษนะ..น้องชาย..."

 
....................................

【】นอกเรื่องวันพีชควมรู้รอบตัว【】

         เปิด ตำนานโจรสลัด  บาโซโลมิว โปรโตกัส (Bartolomeo  Portuguese)  โจรสลัดสัญชาติโปรตุเกส มีช่วงชีวิตการเป็นโจรสลัด ค.ศ. 1660 – 1670

                ปอร์ตูเกรส บาโซโลมิว หรือเอล โปรโตกัส (el Portugues )  เป็นโจรสลัด ที่เข้าโจมตีเรือขนส่งสเปนในช่วงปลายยุค 1660 เขาเป็นผู้จัดตั้งกฎคนแรกซึ่งเป็นที่รู้จักกันแพร่หลายในตำนานที่มีชื่อว่า “รหัสโจรสลัด”  ต่อมา ได้ถูกใช้โดยโจรสลัดในศตวรรษที่18 เช่น จอร์น ฟิลลิปส์, เอ็ดเวิด โลว์และบาร์โธโลมิโว โรเบิร์ต

บาโซโลมิว โปรโตกัส(Portuguese)

                การเดินทางมาถึงในทะเลแคริบเบียนตั้งแต่ยุค 1660 ปอร์ ตูเกรสได้ทำการปิดเมืองกัมเปเช่ ในปี 1666-1669หลังจากนั้น เขาได้ยึดเรือสเปนขนาดใหญ่กับปืน 4 กระบอก ลูกเรือ 30 ชีวิต และปิดเมืองคิวบา  จากการถูกโจมตีถึงสองครั้งอย่างรุนแรงทำให้ลูกเรือที่มีมากกว่าครึ่งของเขา เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก จากนั้นโปรตุเกรสก็พยายามแล่นเรือไปทางจาเมกา อย่างไรก็ตาม เนื่องจากลมแรง พวกเขาก็ไม่สามารถที่จะกลับไปที่ท่าเรือหลวงได้เลยแล่นเรือใบไปที่คิวบา ตะวันตกแทน ขณะนั้นเรือได้มาถึงแหลมซานอันโตนิโอ พวกเขาถูกจับโดยสามเรือรบของสเปนซึ่งได้ยึดเรือบรรทุกสินค้าของพวกเขา 
         หลังจากเกิดพายุอย่างรุนแรง เรือของเขาถูกบังคับให้แล่นไปทางเมืองกัมเปเช่เจ้าหน้าที่ที่เมืองจำเขาได้ เขาจึงถูกจับกุม ถือเป็นนักโทษบนเรือสเปน เขาพยายามหลบหนี โดยการทำร้ายเจ้าหน้าที่ด้วยมีดที่ขโมยมาและเนื่องจากเขาคิดว่าไม่สามารถ ว่ายน้ำได้ เขาจึงใช้ถังไวน์เป็นตัวลอยว่ายน้ำไปยังฝั่ง จากนั้นเขาก็เดินทางผ่านป่าระยะทางมากกว่า 120 ไมล์

            โปรโตกัส มาถึงที่อ่าวเอลกอในภาคตะวันออกของแหลมยูคาทานและ พบเรือที่จะพาเขากลับไปสู่ท่าเรือหลวงการกลับมาสู่เมืองกัมเปเช่อีกครั้ง พร้อมกลับลูกเรือ 20 คน บัคคาเนียได้ยึดเรือที่เขาเคยถูกจับกุมเป็นนักโทษ และแล่นเรือออกพร้อมกับสินค้าที่บรรทุกอยู่ในเรือ จากนั้น เรือได้มาเกยตื้นใกล้ป่าสนนอกชายฝั่งทางตอนใต้ ของคิวบา เขาให้สินค้าทั้งหมดให้กับลูกเรือที่เหลือของเขาบัคคาเนียกลับไปยังท่าเรือ หลวง ก่อนที่จะเริ่มออกเดินทางอีกครั้ง

             หลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรที่เพิ่มเติมจากการบันทึกของโปรโตกัส อย่างไรก็ตาม อเล็กซานเดอร์ เอ็กคูเมลิน บันทึกในหนังสือโปรโตกัสของอเมริกาว่า “เขาได้ต่อสู้กับชาวสเปนอย่างรุนแรงหลายครั้ง โดยไม่ได้รับผลประโยชน์จาการปล้นสะดมมากนัก

"สำหรับฉันแล้วฉันเห็นว่า.!..เขาตายอย่างน่าเวทนาที่สุดในโลก”

.......................