ค่าหัววันพีช ประมาณ 120 ล้าน
อายุ ตำนานเมื่อ 400 ปีก่อน
ส่วนสูง 210 cm
อายุ ตำนานเมื่อ 400 ปีก่อน
ส่วนสูง 210 cm
ปราการ เกาะจายา(Jaya)
ตำแหน่ง หัวหน้านักรบเผ่าแชนเดียร์(Shandians)
ตำแหน่ง หัวหน้านักรบเผ่าแชนเดียร์(Shandians)
อาวุธ หอก(spear)
ลูกหลาน เพื่อน ผู้สืบสายเลือดไวเปอร์แห่งแชนเดียร์(Wiper)
ลูกหลาน เพื่อน ผู้สืบสายเลือดไวเปอร์แห่งแชนเดียร์(Wiper)
- สหายรักเพียงหนึ่งเดียว มองบลังโนแลนด์
เผ่าพันธุ์ มนุษย์โบราณ(คร้ายชาวสกายเปีย)
"ฉันจะเคาะระฆังให้นายรู้ว่าฉันอยู่ที่นี่...
บนฟ้าแห่งนี้...!!!..แล้วสักวันเราจะได้พบกันอีก"
คำพูดสุดท้ายก่อนตาย กาลูการา
กาลู การา (Karugara) เป็นนักรบผู้ยิ่งใหญ่แห่งแชนโดราหรือแชนเดียร์มีลักษณะเด่นที่ได้มาจาก บรรพบุรุษคือปีกขนาดเล็กสีขาวที่ด้านหลังและมีทรงผมที่มีเอกลักษณ์มีลักษณะ คร้ายเปลวเพลิงที่ลุกโชตช่วอยู่ตลอดเวลาซึ่งหากอยู่ระหว่างการต่อสู้ทรงผม ของเค้าจะยิ่งช่วยเพิ่มความน่าเกรงขามได้มากทีเดียว เค้ามีลอยสักอยู่ที่ไหล่ทั้งสองข้างสวมใส่เสื้อผ้าคร้ายชาวอินเดียนอเมริกัน ประกอบด้วยกางเกง(Laced)และกระโปรงที่ทำจากหญ้า ไม่สวมเสื้อ นิสัยของเค้านั้นเป็นคนอารมณ์ร้อน มักทำก่อนที่จะคิดเสมอ ซ่อนเร้นตัวตนและรู้เพียงแต่ว่าตนมีหน้าที่ๆจะปกป้องทุกคนในเผ่าจากคนภายนอก
..............................
【】 เปิดตำนานเล่าขานเกี่ยวกับขุมทองในตำนานนครลึกลับแห่งอินคามหานครทองคำ เอลโดราโด้ (EL DORADO) 【】
"ฉันภูมิใจกับทุกบาดแผลที่เกิดขึ้นจากการต่อสู้.!!....
เพราะแต่ละบาดแผลคือบทเรียนที่ทำให้รู้ว่า...!!...
ฉันยังมีชีวิตอยู่..และได้ปกป้องใครบางคน.."
เช้าวันนี้อากาศแจ่มใสดี ได้เวลาไปตีระฆังอีกแล้ว เสียงของมันก็ยังคงไพเราะจับใจเหมือนทุกครั้ง หลังจากลาดตระเวณภายในป่าและชายหาดเสร็จสิ้น เสียงเซโตะตระโกน.!!..เสียงดังมาแต่ไกล เกิดอะไรขึ้นกันแน่..หลังจากได้ฟังเรื่องราวก็รู้ว่าชาวบ้านเริ่มล้มป่วยกันอีกแล้ว โรคร้ายประจำปีที่มาเยือนเป็นประจำ มา...แล้วก็จากไปพร้อมกับชีวิตคนในเผ่ากว่าครึ่ง แม้ว่าจะพยายามรักษาทุกวิถีทางแต่ก็ดูจะไร้ผลเพราะเมื่อรักษาหายก็ยังคงกลับ มาระบาดอีกทุกครั้งร่ำไป..
แต่ทว่าคราวนี้ดูจะร้ายแรงกว่าทุกครั้ง เพราะไม่เพียงแค่คนแก่กับเด็กเท่านั้นที่ติดโรค คนหนุ่มสาวก็พลอยติดโรคนี้ไปด้วย ทำยังงัยดี.!!.จะต้องทำยังงัยขืนปล่อยไว้ได้ตายกันหมดหมู่บ้านเป็นแน่ ในตอนนี้คนมากกว่าครึ่งหมู่บ้านกำลังติดโรคนี้ และกำลังจะเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่มีทางรักษาให้หายได้ แม้แต่เทพพยากรณ์ก็ยังติดโรคนี้ไปด้วยความหวังมีเพียงคำกล่าวก่อนที่ท่านจะสิ้นใจตายได้บอกว่า "พระเจ้ากำลังโกรธพวกเรา..บูชายัญหญิงสาวที่สวยที่สุดในหมู่บ้านเพื่อขอขมาต่อเทพ โดยผ่านทางเทพ คาชิ แล้วจะทรงประทานพรให้หายจากโรคร้าย" คนทั้งหมู่บ้านลงความเห็นกันแล้วว่าไม่มีใครเหมาะสมเท่า มูส ลูกสาวของอีกแล้วเพราะเธอสวยงามไม่มีใครเทียมซ้ำยังมีเชื้อสายของผู้พิทักษ์ที่น่าจะทำให้เทพเจ้าพอใจได้
ไม่มีคำโต้แย้ง..ใดๆเพราะนี่คือหน้าที่ที่ผู้พิทักษ์ต้องเสียสละ ใจของเราในตอนนี้ เศร้าโศกและทุกระทมยิ่งนัก วิงวอนขอต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ให้มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้น.!!....แต่ก็คงเป็นไปไม่ไดเพราะพระเจ้าได้เลือกแล้ว และแล้วก็ถึงวันพิธีบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ พิธีกรรมทุกอย่างถูกจัดเตรียมไว้เรียบร้อยดีแล้ว รวมทั้งลูกสาวของเราด้วยในตอนนี้มองตาลูกสาวแล้วอยากจะร้องไห้ได้แต่หักห้ามใจ เสียงสวดและเสียงกลองเริ่มบรรเลงไม่นานเทพเจ้า "คาชิ" ก็ปรากฏตัวขึ้น ท่านช่างใหญ่โตและน่าเกรงขามจริงๆ เอาเถอะ..มาถึงตอนนี้คงไม่มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นแล้วจะยังงัยซะก็รีบๆจบไปซะทีอย่าให้ลูกสาวเราต้องเจ็บปวดทรมานมากนัก
และแล้วเสี้ยววินาที..นั้นเอง.ปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้น ในขณะที่ ลูกเรากำลังจะถูกกินโดยเทพคาชิมีคนเข้ามาขัดขวาง "มันเป็นใครกัน..เอ๊ะเดี๋ยวมันทำอะไร..พริบตาเทพคาชิก็ถูกฆ่าตายซะแล้ว" พิธีกรรมล้มเหลวซะแล้วอนาคตของเผ่าจะเป็นยังงัยต่อไป จะมีคนล้มตายอีกมากน้อยขนาดไหน ไม่ว่ายังงัยก็ต้องจับคนร้ายมาลงโทษให้ได้ เจ้าเป็นใครกันเจ้าคนต่างเผ่า "ข้ามีชื่อชื่อ.มองบลัง โนแลนด์" แม้ในตอนนี้จะแค้นเจ้าคนนี้มากแต่ในใจลึกๆแล้วกลับรู้สึกตื้นตันใจอย่างบอกไม่ถูก..ความรู้สึกนี้มันอะไรกันแน่..!!...
เมื่อพิธีกรรมถูกทำลายคนในเผ่าต่างโมโหเป็นอันมาก และในตอนนี้ยังงัยก็ต้องจับตัวมันมาลงโทษให้ได้ ไม่ต้องคิดอะไรแล้ว..ชักอาวุธออกมาแล้วรีบพุ่งเข้าไปหามันในทันที โอ๊ะ.!!...ฝีมือเจ้าคนนี้ไม่ธรรมดาไม่ใช่ง่ายๆซะแล้ว สู้กันอยู่นานก็ยังจับมันไม่ได้ ในระหว่างการปะมือมันได้พูดขึ้นว่า "ข้ามีวิธีรักษา ไม่จำเป็นต้องพึ่งเทพเจ้าจอมปลอม ขอเวลา 1วัน จะหายามารักษาทุกคน ถ้าทำไม่ได้จะฆ่าแกงยังงัยก็ตามใจ"
มันเป็นอีกจุดเปลี่ยนที่ต้องตัดสินใจ ฆ่ามันไปเทพเจ้าก็ไม่พื้นชาวบ้านก็ไม่หายจากโรคร้าย มีแต่ต้องลองเสี่ยงดูสักครั้งเพราะยังงัยก็ต้องตายอยู่ดีคนแปลกหน้าอาจเป็นทางรอดเดียวที่เหลืออยู่ก็เป็นได้ จึงตะโกนออกไปท่ามกลางความโกรธเกรี้ยวของคนในเผ่า.."ในฐานะผู้พิทักษ์สูงสุดข้าจะเดิมพันชีวิตกับชายผู้นี้หากทำไม่ได้ก็พร้อมยอมรับผิดชอบกับสิ่งที่จะเกิดตามมา" ในตอนนี้แม้คนในเผ่าจะยังโกรธแต่ก็จำต้องคล้อยตามเพราะทุกคนเองก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่า" อยู่ก็มีแต่ตายรอยังมีโอกาศรอดมากกว่า "
ก่อนถึงเส้นตายที่กำหนดไว้ ในใจกะวนกะวายเป็นอย่างมากไม่รู้ทำมัยลึกๆถึงได้ภาวนาให้หายารักษาได้สำเร็จ..อาจเป็นเพราะเราถูกชะตากันตั้งแต่แรกที่ได้ปะมือกันมันเหมือนคู่ปรับที่ค้นหากันและกัน ผ่านไปหลายชั่วโมงไม่มีข่าวคราว รึมันจะหนีไปแล้ว..!!..เอาละยังงัยก็ออกไปดูสักหน่อยดีกว่า ได้ยินเสียงอะไร..แว้วๆ..เมื่อเดินไปดูก็พบเจ้าโนแลนตัวติดอยู่ในซอกหินและกำลังร้องขอให้ช่วยพร้อมกับพูดขึ้นว่า "ฉันหายารักษาโรคได้สำเร็จแล้ว.." ในขณะที่กำลังลังเลใจที่จะเชื่อดีมั้ย ทายาทของเทพคาชิก็โผล่ออกมาพอดีและกำลังตรงเข้าไปหาโนแลนต์ มันเป็นช่วงเวลาสำคัญที่จะเลือกที่จะเชื่อหรือปล่อยผ่านไป พริบตาร่างกายมันก็ขยับไปเองตามสัญชาตญาณฉับเดียวทายาทเทพคาชิก็ขาดเป็นสองท่อน "นี่เราทำอะไรลงไป..นี่เราฆ่าเทพกับมือตัวเองเหมือนกับที่เจ้าคนนี้ทำ...เฮ้อ.!..เอาเถอะช่างหัวมัน..ยังงัยก็ฆ่าไปแล้ว"
ตอนนี้ไม่มีอะไรต้องเสีย..อีกแล้วยังงัยก็ต้องช่วยเจ้าโนแลนต์ขึ้นมาซะก่อน เมื่อขึ้นมาได้โนแลนต์เองก็พยายามอธิบายถึงความร้ายกาจของ โรคคิเนซึ ที่มีลักษณะคร้ายเชื้อราที่กระจายในอากาศและพูดต่อท้ายด้วยว่า "ไม่ต้องเสียใจ.. กับสิ่งที่ทำลงไป.. ที่ท่านฆ่าไปไม่ใช่เทพเจ้าอะไรที่ไหนแต่เป็นเพียงแค่งูธรรมดาก็เท่านั้น" เมื่อได้ยินสิ่งที่เค้าพูด จู่ๆในใจก็รู้สึกสบายโล่งขึ้นมาและหัวเราะออกมาแบบลืมตัว น่าแปลกที่คำพูดของชายคนนี้เรากลับเชื่อและรู้สึกสบายใจอย่างน่าประหลาดหรือนี่คือ สิ่งที่เราโหยหา เพื่อนแท้ที่เราไม่เคยมีมาก่อนเมื่อคิดได้จึงพูดออกไปว่าเราน่าจะมาเป็นเพื่อนกันนะ..โนแลนต์เองก็รีบตอบตกลงในทันทีและเราต่างก็หัวเราะให้กัน...
เมื่อมาถึงหมู่บ้านโนแลนต์ทำตามที่พูดไว้ เค้าช่วยรักษาคนในหมู่บ้านให้หายซึ่งรวมทั้งลูกสาวของเราด้วย ในตอนนี้ในใจตื้นตันจนอยากตอบแทนเพื่อนผู้มีพระคุณจึงตัดสินใจพาโนแลนต์และพวกเดินเข้าไปในป่าตาขวาของหัวกระโหลก ไม่นานพวกโนแลนต์ก็ต้องตกตะลึงกับนครทองคำเบื้องหน้า เราจึงพูดขึ้นว่า "ดูเหมือนมันจะมีค่ามากสำหรับพวกท่าน...ถ้าอยากได้ก็หยิบไปตามที่ต้องการ.." พวกของโนแลนต์ต่างไม่รีรอหยิบฉวยโบราณวัตถุที่ทำจากทองไปมากเท่าที่แต่ละคนจะแบกไหวดูท่าทางพวกเค้าจะดีใจมาก ดีแล้ว..อย่างน้อยก็ได้ตอบแทนพวกเค้าได้บ้าง รุ่งเช้าอีกวันก็เกิดเรื่องขึ้นอีกจนได้มีอะไรกันอีกชาวบ้านแตกตื่นกันใหญ่ พูดคุยเรื่องอะไรกันโรคร้ายก็รักษาหายแล้วนี่นา เมื่อถามไถ่ก็รู้ว่า..พวกโนแลนต์ได้ตัดต้นไม้ต้องห้าม..ที่มีวิญญาณบรรพบุรุษสิงสู่อยู่ออกจนหมดทำให้คนทั้งหมู่บ้านต่างพูดกันว่าพวกเค้าหยามเกีรติของเผ่าเราต้องรีบไล่ไปให้พ้น..ทำมัย.ทำมัย.!!..ในใจไม่รู้สึกว่าพวกเค้าผิด ต้องมีเรื่องเข้าใจผิดกันแน่ แล้วก็เป็นจริงดังที่คิด เมื่อได้รู้ความจริงจากลูกเรือของโนแลนต์ว่าต้นไม้ที่ตัดไปล้วนติดโรคเชื้อรามรณะโดยมันจะฝังตัวอยู่ภายในลำต้นถ้าไม่เผาทำลายให้สิ้นโรคร้ายก็จะกลับมาอีกไม่รู้จบ..ในตอนนี้เมื่อรู้ความจริงเราจึงรีบวิ่งไปที่ชายหาดในทันทีแต่ก็ไม่ทันซะแล้ว.เรือของโนแลนต์แล่นออกไปแล้วจึงได้แต่ตะโกนออกไปท่ามกลางสายฝน....
"แล้วกลับมาอีกนะเพื่อนรัก..จะเคาะระฆังไว้ให้..ตลอดไป"
บันทึกนี้เขียนขึ้นเพื่อเพื่อนของเรา จากนักรบการูกาลา
หลังจากที่โนแลนด์จากไปครึ่งหนึ่งของเกาะ จายา รวมถึงเมืองทองคำในตำนานถูก ครื่นน็อกอัพสตรีม(Knock Up Steam) ส่งขึ้นไปอยู่บนฟ้า ณ.ดินแดนแห่งทะเลสีขาว ที่มีชื่อว่าสกายเปียที่แห่งนี้เป็นดินแดนบนท้องฟ้าที่ไม่มีผืนแผ่นดินมีเพียงการรวมตัวของก้อนเมฆทำให้สิ่งลำ้ค่าที่สุดคือ
แผ่นดินที่มีแร่ธาตุสูงพืชพันธ์สามารถเจริญเติบโตได้ มีชื่อเรียกโดยรวมเรียกว่าวาซ ทำให้เมื่อมีข่าวการปรากฏขึ้นของวาซ ทหารของสกายเปียจึงเข้าแย่งชิงนครแชนโดร่าในทันที....นำมาซึ่งการต่อสู้เพื่อปกป้องแผ่นดินบ้านเกิดของเผ่าแชนเดียและเพื่อรักษาคำมั่นสันญาที่เคยให้ไว้ การปกป้องและแย่งชิงวาซจึงเริ่มต้นขึ้นและสืบทอดมายาวนานถึง 400 ปี
...........................
【】 นอกเรื่องวันพีชความรู้รอบตัว 【】
เปิดตำนานเอลโดราโด้ นครแห่งทองคำในตำนานที่มีอยู่จริงหรือเป็นเพียงเรื่องเล่าขาน
เอลโดราโด้ El Dorado ไม่ เพียงแต่เป็นขุมความลับอันยิ่งใหญ่แต่ยังเป็นขุมทองอันมหาศาลที่ยั่ว น้ำลายนักแสวงโชคมาเนิ่นนาน แม้ว่าโลกเราในปัจจุบันจะเจริญรุดหน้าชนิดที่เดินทางค้นหาดินแดนใหม่ใน จักรวาลเป็นว่าเล่น แต่ก็น่าแปลกที่วิวัฒนาการดังกล่าวไม่ได้มีส่วนช่วยในการค้นหาดินแดนในตำนาน ที่ว่านี้เลย ก่อนอื่นก็ต้องเปิดฉากเล่ากันถึงตำนานของเอลโดราโด้กันก่อน บุคคลที่จะเรียกได้ว่าเป็นปฐมบุคคลที่ตามหานครแห่งตำนานที่ว่านี้และเป็น ผู้เรียกนครลับแลนี้ว่า El Dorado คือ เซบาสเตียน เดอ เบลาลกาซาร์ บุรุษผู้สามารถพิชิตชนอินคาแห่งอเมริกาใต้ แล้วก่อตั้งเมือง ควิโต้ที่ปัจจุบันเป็นเมืองหลวงของประเทศเอกวาดอร์นั่นแหล่ะ
เปิดตำนานเอลโดราโด้ นครแห่งทองคำในตำนานที่มีอยู่จริงหรือเป็นเพียงเรื่องเล่าขาน
เอลโดราโด้ El Dorado ไม่ เพียงแต่เป็นขุมความลับอันยิ่งใหญ่แต่ยังเป็นขุมทองอันมหาศาลที่ยั่ว น้ำลายนักแสวงโชคมาเนิ่นนาน แม้ว่าโลกเราในปัจจุบันจะเจริญรุดหน้าชนิดที่เดินทางค้นหาดินแดนใหม่ใน จักรวาลเป็นว่าเล่น แต่ก็น่าแปลกที่วิวัฒนาการดังกล่าวไม่ได้มีส่วนช่วยในการค้นหาดินแดนในตำนาน ที่ว่านี้เลย ก่อนอื่นก็ต้องเปิดฉากเล่ากันถึงตำนานของเอลโดราโด้กันก่อน บุคคลที่จะเรียกได้ว่าเป็นปฐมบุคคลที่ตามหานครแห่งตำนานที่ว่านี้และเป็น ผู้เรียกนครลับแลนี้ว่า El Dorado คือ เซบาสเตียน เดอ เบลาลกาซาร์ บุรุษผู้สามารถพิชิตชนอินคาแห่งอเมริกาใต้ แล้วก่อตั้งเมือง ควิโต้ที่ปัจจุบันเป็นเมืองหลวงของประเทศเอกวาดอร์นั่นแหล่ะ
เบลาลกาซาร์
ได้รับการบอกกล่าวเรื่องราวเกี่ยวกับนครทองคำนี้จากอินเดียนแดงชราผู้เป็น
ปรมาจารย์ทางความรู้ในศาสตร์เก่าแก่ แกเล่าถึงนครที่ตั้งอยู่ ณ
ดินแดนแห่งหุบเขาและป่าลึกอันไกลโพ้นนครแห่งราชะนิรนามผู้สถิตอยู่เหนือ
บัลลังก์ทอง ทั่วทั้งนครดารดาษไปด้วยทองคำและเพชรนิลจินดาอย่างมหาศาล
มรกตขนาดเล็กที่สุดเท่าไข่ไก่เกลื่อนกลาดอยู่ตามท้องธารโดยมิมีผู้ใดจะสนใจ
ด้วยว่าเห็นกันจนชินตาและ
ทุกถ้วนขวบปีราชาแห่งนครทองจะเสด็จไปยังริมท้องธารใหญ่เพื่อประกอบพิธีบัด
พลีกรรมเพื่อ
บูชาสุริยเทพพระองค์จักประดับเครื่องถนิมพิมพาภรณ์อันล้วนไปด้วยเครื่องทอง
แลเพชรนิลจินดาเมื่อถึงชายฝั่งพระองค์จะเปลื้องเครื่องวราภรณ์ออกจนหมดสิ้น
ชุบชโลมกายด้วยฝุ่นทองจนเอิบอาบทั่วทั้งองค์ แล้วจึงเสด็จประทับในแพทอง
แล่นออกสู่ใจกลางท้องนทีแต่ลำพัง เมื่อถึงใจกลางท้องธารนั้น
พระองค์จะทำพิธีบูชาสุริยเทพ
แล้วโยนเครื่องใช้ในพิธีกรรมอันล้วนไปด้วยทองคำทั้งสิ้นลงสู่ก้นธารใหญ่นั่น
เรื่องราวที่ฟังดูเหมือนกับนิทานหลอกเด็กนี้คงไม่ทำให้เบลาลกาซาร์สนใจจนถึง
ขนาด ออกตามหาเอลโดราโด้หรอก แต่เบลาลกาซาร์
เอาเรื่องในตำนานมาผนวกกับข้อเท็จจริงบางประการที่เกิดขึ้นก่อนที่เขาจะ
พิชิตควิโต้ได้มาประมวลผลพร้อมการยืนยันจากอินเดียนแดงเจ้าถิ่นแถวเอกวาดอร์
ทำให้เบลาลกาซาร์ออกตามหาเอลโดราโด้ทันที
เบลาลกาซาร์นำเอาข้อเท็จจริงมาผูกกับตำนาน ของชาวอินเดียนแดง แล้วก็สรุปว่า ดินแดนลึกลับที่ชาวอินคาไปขนทองมานั้น ต้องเป็นดินแดนเดียวกับที่อินเดียนแดงชราเล่าเป็นแน่แท้แม้ค่าไถ่จำนวน มหาศาลนั้นจะยั่วน้ำลายน่าค้นหาเพียงใด แต่ตามวิสัยบุรุษผู้มองการณ์ไกลเบลาลกาซาร์ยอมทิ้งเศษทองข้างทาง เพื่อค้นหาต้นตอของทองคำมหาศาล นั่นก็คือ นครในตำนาน เอลโดราโด้นั่นเอง
"ข้อ เท็จจริงที่ทำให้เบลาลกาซาร์คิดว่าเอลโดราโด้มีอยู่จริง คือ ช่วงปี ค.ศ.1530 ตอนที่ ฟรังซิสโก้ ปิซาร์โร นำทหารเพียง 180 นายบุกยึดอาณาจักรอินคาแห่งเปรู และจับองค์จักรพรรดิอตาฮวลปาเป็นตัวประกัน ปิซาร์โรเรียกค่าไถ่จากชาวอินคาเป็นทองคำและเพชรพลอยจำนวนมหาศาล คือให้เอามากองให้เต็มห้องขังนั่นแหล่ะ จึงจะยอมปล่อยอตาฮวลปาไป"
อ้อ!ทำความเข้าใจกันนิดปิซาร์โรและกองกำลัง180 นายนั่นไม่ใช่กองทหารที่เก่งกล้าสามารถขนาดถล่มชาวอินคาทั้งเมืองได้หรอก ที่สามารถพิชิตอินคาได้เพราะหน้าตาต่างหาก เพราะชาวอินคามีตำนานกล่าวถึงเทพเจ้าที่มาจากดวงดาวไกลโพ้นของตนว่า เป็นบุรุษผิวขาวมีเคราดำซึ่งบังเอิญไปตรงกับลักษณะของชาวสเปนทุกประการอตา ฮวลปาเข้าพระทัยว่าปิซาร์โรคือเทพเจ้าต่างดาวเสด็จมาลงโทษ จึงยอมให้จับกุมโดยไม่คิดขัดขืน
เบลาลกาซาร์นำเอาข้อเท็จจริงมาผูกกับตำนาน ของชาวอินเดียนแดง แล้วก็สรุปว่า ดินแดนลึกลับที่ชาวอินคาไปขนทองมานั้น ต้องเป็นดินแดนเดียวกับที่อินเดียนแดงชราเล่าเป็นแน่แท้แม้ค่าไถ่จำนวน มหาศาลนั้นจะยั่วน้ำลายน่าค้นหาเพียงใด แต่ตามวิสัยบุรุษผู้มองการณ์ไกลเบลาลกาซาร์ยอมทิ้งเศษทองข้างทาง เพื่อค้นหาต้นตอของทองคำมหาศาล นั่นก็คือ นครในตำนาน เอลโดราโด้นั่นเอง
"ข้อ เท็จจริงที่ทำให้เบลาลกาซาร์คิดว่าเอลโดราโด้มีอยู่จริง คือ ช่วงปี ค.ศ.1530 ตอนที่ ฟรังซิสโก้ ปิซาร์โร นำทหารเพียง 180 นายบุกยึดอาณาจักรอินคาแห่งเปรู และจับองค์จักรพรรดิอตาฮวลปาเป็นตัวประกัน ปิซาร์โรเรียกค่าไถ่จากชาวอินคาเป็นทองคำและเพชรพลอยจำนวนมหาศาล คือให้เอามากองให้เต็มห้องขังนั่นแหล่ะ จึงจะยอมปล่อยอตาฮวลปาไป"
อ้อ!ทำความเข้าใจกันนิดปิซาร์โรและกองกำลัง180 นายนั่นไม่ใช่กองทหารที่เก่งกล้าสามารถขนาดถล่มชาวอินคาทั้งเมืองได้หรอก ที่สามารถพิชิตอินคาได้เพราะหน้าตาต่างหาก เพราะชาวอินคามีตำนานกล่าวถึงเทพเจ้าที่มาจากดวงดาวไกลโพ้นของตนว่า เป็นบุรุษผิวขาวมีเคราดำซึ่งบังเอิญไปตรงกับลักษณะของชาวสเปนทุกประการอตา ฮวลปาเข้าพระทัยว่าปิซาร์โรคือเทพเจ้าต่างดาวเสด็จมาลงโทษ จึงยอมให้จับกุมโดยไม่คิดขัดขืน
กลับมาที่เรื่องค่าไถ่มหาศาลที่ปิซาร์โรเรียกร้องเหมือนคนบ้า
แต่ผิดคาดชาวอินคากลับตอบตกลงโดยขอเวลาไปรวบรวมทองคำ
ซึ่งปิซาร์โรก็ยอมให้เวลา 2 วัน เอาล่ะสิ!! เวลาเพียง 2 วัน
รวบรวมทองคำทั้งอาณาจักรยังไม่รู้ว่าจะพอหรือเปล่า
ชาวอินคาจึงรีบรุดไปยังดินแดนเร้นลับแห่งหนึ่งซึ่งตามตำนานของชนเผ่านี้
บอกว่าเต็มไปด้วยทองคำทั้งเมือง
แล้วขนเอาทองคำใส่รถลากมาตามขุนเขาและป่าทึบด้วยความยากลำบาก
อนิจจา..หนทางอันทุรกันดารและห่างไกลทำให้ค่าไถ่จำนวนมหาศาลเดินทางมาไม่ทัน กำหนดผู้พิชิตชาวสเปนจึงปลงพระชนม์เชลยบรรดาศักดิ์เสีย เพราะคิดว่าชาวอินคาคงเบี้ยวแน่ ๆ แล้ว พอชาวอินคารู้ว่าจักรพรรดิของตนถูกสังหารเสียแล้วจึงนำทองคำค่าไถ่ไปซุกซ่อน ในที่เร้นลับในป่าดงดิบนั่นเอง ชาวสเปนที่ทราบเรื่องในภายหลังก็พยายามจะค้นหาทองค่าไถ่นี้อย่างบ้าคลั่ง แต่ก็ไม่เคยพบ ตำนานทองคำค่าไถ่ของชาวอินคาเป็นอันจบไปตรงนี้
อนิจจา..หนทางอันทุรกันดารและห่างไกลทำให้ค่าไถ่จำนวนมหาศาลเดินทางมาไม่ทัน กำหนดผู้พิชิตชาวสเปนจึงปลงพระชนม์เชลยบรรดาศักดิ์เสีย เพราะคิดว่าชาวอินคาคงเบี้ยวแน่ ๆ แล้ว พอชาวอินคารู้ว่าจักรพรรดิของตนถูกสังหารเสียแล้วจึงนำทองคำค่าไถ่ไปซุกซ่อน ในที่เร้นลับในป่าดงดิบนั่นเอง ชาวสเปนที่ทราบเรื่องในภายหลังก็พยายามจะค้นหาทองค่าไถ่นี้อย่างบ้าคลั่ง แต่ก็ไม่เคยพบ ตำนานทองคำค่าไถ่ของชาวอินคาเป็นอันจบไปตรงนี้
ขอบคุณบทความจาก www.yuikiyui.spaces.live.com
..............................
เรียบเรียงใหม่นะครับ
ตอบลบ