Dressrosa วันพีช เบรามี่_Bellamy the Hyena ★ ベラミー

WANTED Bellamy - Berami
http://pirateonepiece.blogspot.com/2010/02/wented-bellamy-hyena.html
ฉายา ไอ้หมาบ้า ไฮเอน่าเบรามี (Bellamy the Hyena)
ค่าหัววันพีช 55,000,000 เบรี่
- 195,000,000
อายุ 27 ปี
- เกิด 7 สิงหาคม
ส่วนสูง  240 cm
เรือ  นิววิช-ทัง(New Witch's Tongue)
ตำแหน่ง  กัปตันกลุ่มโจรสลัดเบรามี่(Bellamy Pirates)
-  หัวหน้าหน่วยค้าทาสของโดฟามิงโก้

ผลปีศาจ บาเนะ บาเนะ (Bane Bane)พารามิเซีย/เหนือมนุษย์
ผลสปริง : ทำร่างกายเป็นสปริงเครื่อนที่ด้วยความเร็วตามแรงกดของสปริงทำลายบริเวณที่สัมผัส
จุดอ่อนธาตุปฏิปักษ์ ความเร็วของผลปริงจะใช้กำแพงเพื่อเพิ่มความเร็วแต่จะทำลายมันเมื่อสัมผัสถูก และจะโจมตีเป็นเส้นตรงเท่านั้น
ลูกเรือ  รองกัปตันซาคีส(Sarquiss) ,ริลี้(Lily) ,โร็ด(Ross) ,เอ็ดดี้(Eddy)  ,ริเวอร์(Rivers) ,มานิ(Mani) ,(Myure) ,(Huett) 
เผ่าพันธุ์  มนุษย์..

"จะเมืองทองคำที่สาบสูญหรือสมบัติในตำนานวันพีช...  
มีแต่คนโง่เท่านั้นที่ไล่ตามความฝันในยุคแห่งท้องทะเลนี้  
ถ้าไม่ยอมรับความจริงเบื้องหน้าก็มีแต่ต้องตายตามความฝันไปก็เท่านั้น"
กล่าวโดย ไอ้หมาบ้าเบรามี่ 
  
          เบรามี่(Bellamy the Hyena) ลักษณะเป็นชายที่มีรูปร่างสูง ผิวคล้ำและมีผมสีทอง มีรอยแผลเป็นที่เหนือตาขวาและมีแววตาที่ดุดันจนดูเหมือนไฮยีน่าที่ดูเจ้า เล่ห์พร้อมที่จะขย้ำเหยื่อได้ตลอดเวลา  สวมเสื้อแขนกุดสีชมพูโดยมีเสื้อคลุมคลุมอีกชั้นเพื่อสดวกในการโจมตีด้วยพลัง ผลปีศาจ เป็นหนึ่งในกลุ่มย่อยของโดฟามิงโก้จึง มีสัญลักษณ์เป็นลอยสักของกลุ่มค้าทาสอยู่ที่แขน มีนิสัยเหี้ยมโหด ไม่รักษาคำพูดหวังจะมีชื่อเสียงจากการกำหราบโจรสลัดที่มีค่าหัวสูงกว่าและ เชื่อในพลังที่ตนมีมากและคิดว่าตนเป็นลุคกี้แห่งยุคสมัยใหม่ "Age of Dreams"
       - ชื่อของเบรามีมาจากโจรสลัดชื่อดังในอดีต ในชื่อ ซามูเอล เบรามี่(Samuel Bellamy)เป็นชายหนุ่มชาวอังกฤษที่แสวงหา โชคลาภในดินแดนโลกใหม่ในแถบอเมริกามีชีวิตอยู่ในช่วงศตวรรษที่ 17
..............................


 


             ไฮยีน่า เบรามีแห่งกลุ่มโจรสลัดเบรามี เป็นผู้มีพลังจาก ผลปีศาจ บาเนะ บาเนะ  Bane Bane :Boing Boing  ผลสปริง เค้าเป็นมนุษย์สปริง มีจุดเด่นที่ความรุนแรงในการปะทะศัตรู ทำให้เค้าสามารถเปลี่ยนร่างกายทั้งแขนและขาให้กลายเป็นสปริงได้อย่างรวดเร็วโดยเฉพาะส่วนขาที่สามารถเปลี่ยนให้เป็นสปริงได้ทั้งสองข้างและใช้มันในการกระโดดขึ้นที่สูงหรือใช้ในการเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงเพื่อใช้โจมตีศัตรูโดยเค้าแสดงออกให้เห็นในชื่อ ท่าไม้ตาย สปริงฮุค(Spring Hopper)เป็นการใช้พื้นที่ให้เป็นประโยชน์มากที่สุดในการสปริงตัวกระทบกับผนังอย่างต่อเนื่องจนความเร็วเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเค้าภูมิใจในความเร็วของเค้ามากและมีความทะนงในพลังจากผลปีศาจที่เค้ามีีอย่างมาก  จนคิดว่าไม่มีใครสามารถมองเห็นการโจมตีของเค้าได้ทำให้คิดว่าตนเองนั้นแข็งแกร่งกว่าทุกคน
        จุดอ่อน :  ที่สำคัญของสปริงคือการออกตัวก่อนการการกระโดด 
 -  แม้ว่าพลังนี้จะเร็วและรุนแรง แต่การกระโดดทุกครั้งจะเป็นเส้นตรงซ้ำๆ ยิ่งเร็ว แรงก็ยิ่งตรง ทำให้ศัตรูจับทางได้ง่ายและคอยจังหวะเมื่อกระทบพื้น

ไฮยีน่าเบรามี่ - Bellamy the Hyena
"เพราะฉันไม่เคยแพ้.....จึงทะนงในพลังที่มี.....ความคิดนี้ไม่น่าจะผิด
แต่ถ้าจะผิด..ก็ตรงที่ฉันนั้นอ่อนหัดไม่รู้จักโลกของโจรสลัดอย่างแท้จริง....."

          เบรามีเป็นหัวหน้ากลุ่มโจรสลัดแบรามีที่สมาชิกทุกคนในกลุ่มหลงใหลการใช้ชีวิตที่สุขสบาย และหรูหราในแบบโจรสลัดที่พุ่มเฟือย โดยจะคอยดักปล้นสมบัติจากโจรสลัดอื่นที่ผ่านมาหรือที่พบเจอโดยเห็นว่าการ แย่งชิง ปล้นและฆ่าไม่ว่ากับใครก็ทำได้เพราะมันเป็นวิถีที่ถูกต้องที่โจรสลัดควรจะ เป็น เพื่อทำให้นายใหญ่ โดฟามิงโก้ พอใจเค้าพยายามสร้างชื่อเสียงให้ตนเองโดยการฆ่าทุกคนที่ไม่ชอบหน้าและปล้น ให้มากที่สุดเพื่อให้ค่าหัวของตนเกิน 100 ล้านให้ได้เพื่อขึ้นเป็น ลุคกี้ที่น่าจับตามองของยุคสมัยใหม่ที่กำลังจะมาถึงซึ่งในปัจจุบันมีค่าหัว เพียง 55 ล้านเบรีซึ่งอาจเป็นเพราะเค้าชอบรออยู่กับที่เพื่อให้ศัตรูเข้ามาหามากกว่า จะไปสร้างวีรกรรมกลางทะเลเหมือนโจรสลัดคนอื่น
             ปรากฏตัวครั้งแรกในม็อกทาวบนเกาะจายาซึ่งในขณะนั้น เบรามีกำลังเล่นไพ่อยู่กับ โรชิโอและไม่พอใจที่ตนแพ้จึงจัดการ โรชิโอซะเป็นการเปิดตัวที่แสดงให้เห็นถึงนิสัยของเค้าได้เป็๋นอย่างดี   หลังจากนั้นไม่นาน ลูฟี่ โซโล นามิก็เข้ามาที่บาเพื่อถามวิธีไปเกาะแห่งท้องฟ้าโดยเบรามีพวกมองว่าเป็น เรื่องเพื้อฝันจึงเข้ามาสั่งสอนให้รู้ถึงโลกแห่งความเป็นจริง โดยที่ในขณะนั้นลูฟี่ถูกสั่งห้ามไม่ให้มีเรื่องจึงไม่โต้ตอบ หลังจากนั้นเบรามีรู้ว่า มองบลัง คริ๊กเก็ตมีทองคำที่ได้มาจากก้นมหาสมุทรอยู่จึงไปที่บ้านของ คริ๊กเก็ตและแย่งทองมาเป็นของตนโดยกล่าวว่า "การแย่งชิงคือความถูกต้องสำหรับชั้น:"แต่เมื่อลูฟี่รู้เรื่องเข้าจึงตามไปทวงเอาทองคืนและเกิดการต่อสู้กันขึ้นโดยผลจากความพ่ายแพ้ครั้งนี้สร้างบาดแผลฝังลึกในใจให้แบลามี่เป็นอย่างมากจนกลายมาเป็นความนับถือในที่สุด
           หลังผ่านความพ่ายแพ้ครั้งแรกในชีวิตเกิดขึ้น เบรามี่และพวกซึ่งไม่เคยพ่ายแพ้มาก่อนต้องพบกับความสิ้นหวังที่น่ากลัวยิ่งกว่าความพ่ายแพ้นั่นคือ การมาเยือนของนายใหญ่ ดองกี้โฮเต้ โดฟามิงโก้ ที่มาพร้อมความโกรธเกรี้ยวที่ทำให้สัญลักษณ์ ดองกี้โฮเต้แฟมิรี่ ต้องมัวหมอง ที่ไปพ่ายแพ้ให้กับพวกมือใหม่ไร้ระดับ โทษที่สมควรได้รับคือความตายสถานเดียวเท่านั้น แต่ก่อนที่โดฟามิงโก้จะลงมือ เบลามี่ขอซื้อชีวิตของเค้าด้วยราคาเดียวกันกับราคาค่าหัวของลูฟี่ โดฟามิงโก้เมื่อได้ยินก็หัวเราะแล้วตอบว่า

"พวกแกอ่อนแอมันไร้ค่า แต่ชีวิตมีราคา "

          หลังจากนั้นเบลามี่จึงนำพรรคพวกที่เหลือเดินทางเข้าสู่เกาะแห่งท้องฟ้าเพื่อหวังจะตามกลุ่มของลูฟี่ให้ทัน แต่ก็ถูกขัดขวางโดยการ์ดของเทพแห่งสกายเปีย แต่ก็ไม่มีการต่อสู้เกิดขึ้น เพราะ.....หัวหน้าการ์ดคิดว่าเบลามี่เป็นพวกเดียวกับลูฟี่จึงนำเสาทองคำออกมาให้เพื่อฝากไปให้คุณลูฟี่ที่มีบุญคุณต่อพวกเค้ายิ่ง เบลามี่เมื่อเห็นโอกาศจึงรับไว้แล้วรีบเดินทางต่อไม่นานเมื่อลงจากเกาะแห่งท้องได้ก็รีบนำเสาทองคำไปมอบให้โดฟามิงโก้ในทันที ทำให้ได้รับการยอมรับอีกครั้งในฐานะส่วนหนึ่งของครอบครัวที่คงอยู่ด้วยคำว่าผลประโยชน์ร่วมกัน
.................................. 


【】นอกเรื่องวันพีชความรู้รอบตัว【】
         เบลามี่ Samuel Bellamy ฉายา แบล็กแซมหรือเจ้าชายโจรสลัด (Black Bellamy or Pirate Prince)  ศตวรรษที่ 18
             
               ซามูเอล เบลลามี่ (23 กุมภาพันธ์ 1689 – 26 เมษายน 1717)หรือที่รู้จักกันในฉายา แบล็กเบลลามี่ (Black Bellamy)  หรือแบล็กแซมเบลลาเจ้าชายแห่งโจรสลัด เค้าเป็นโจรสลัดหนุ่มที่มีความฝัน มุ่งมั่นที่จะค้นหาสมบัติที่สาบสูญ จนในที่สุดก็กลายมาเป็นโจรสลัดที่มั่งคั่งที่สุดในยุค    ชื่อเสียงของเบลลามี่เริ่มเป็นที่สนใจเมื่อเรือธงของเค้าถูกค้นพบที่นอกชายฝั่ง ฟรอริด้าพร้อมกับสมบัติมากมายบนเรือ ทำให้เราได้ทราบเรื่องราวของเค้าว่าเรือของเค้าล่มอยู่นอกชายฝั่ง ในขณะที่เค้ากำลังจะเดินทางกลับมาหาคนรักเพื่อขอเธอแต่งงาน

แบล็กเบลลามี่ - Black Bellamy
               แบล็ค เบลลามี่ เป็นบุตรของ  สตีเฟ่น เบลลามี่และอลิซาเบธ เขาเกิดใน เดวอนเชีย ทางตอนใต้ของประเทศอังกฏษ  ช่วงวัยรุ่นเบลลามี่เข้าร่วมกับกองทัพเรืออังกฏษในการเป็นทหารเรือนานอยู่หลายปีจนอายุย่างเข้า 21 ปี แบล็คแซมออกเดินทางไปยังดินแดนโลกใหม่ที่มีชื่อว่า อเมริกา ที่ๆซึ่งเค้าได้ข่าวว่ามีเรือขนทองของพวกสเปนจมอยู่ก้นมหาสมุทร โดยเชื่อว่าเรือลำนี้น่าจะบรรทุกทองที่ได้มาจากการ ปล้นชิงมาจากชาวพื้นเมืองในแถบอเมริกาใต้และด้วยความโลภไม่คำนึงถึงน้ำหนักที่บรรทุกมาทำให้เรือไม่สามารถทนต่อคลื่นมหาสมุทรที่รุนแรงได้เรือลำนี้จึงน่าจะจมอยู่ในบริเวณแถบชายฝั่งทวีปอเมริกา
                ต้นปี 1716  แบล็กแซมเดินทางไปถึง Eastham Harbor (แมสซาซูเซด – อเมริกา)ที่นี่เองที่เค้าได้พบรักกับ มาเรีย( Maria Hallett)สาวน้อยวัย 15ปีมันเป็นรักแท้ที่แสนประทับใจแต่ดูเหมือนรักนี้จะมีอุปสรรค์เมื่อพ่อแม่ของเธอคิดว่า เบลลามี่ไม่คู่ควรและยากจน ทำให้เบลลามี่มีความมุ่งมั่นที่จะเป็นกัปตันเรือที่ยิ่งใหญ่ให้ได้และจะกลับมาขอเธอแต่งงาน  หลังจากที่เบลลามี่ออกเดินทางไป มาเรียก็ตั้งท้องลูกของเบลลามี่แต่ก็แท้งและถูกขับไล่ออกจากเมืองแม้จะยากลำบากมากกับการใช้ชีวิตอยู่ตัวคนเดียวแต่เธอก็ยังรอคอยการกลับมาของชายที่เธอรัก
               แบล็กแซมเริ่มต้นค้นหาสมบัติโดยร่วมมือกับ พอล วิลเลยมส์(Paulsgrave Williams)เพื่อนที่เป็นเศรษฐีของเค้าในการเป็นนายทุนในการซื้อเรือและออกทุนทุกอย่างที่ใช้ในการหาสมบัติ แต่หลายเดือนผ่านไปเบลลามี่ก็ยังไม่พบอะไรมีพียงการค้นพบวัตถุโบราณเพียงเล็กน้อย จนกะทั่งเงินทุนที่มีหมดไป
               ฤดูร้อน ปี 1716 เบลลามี่กับพอล เข้าร่วมกับ กัปตันฮอนิโกล (Benjamin Hornigold)ในการค้นหาสมบัติ อีกครั้งแต่ครั้งนี้สมบัติที่เค้าค้นหากลับเป็นสมบัติที่ไม่ได้จมอยู่ใต้ทะเลแต่กลับเป็นเรือขนสินค้าที่มีมากมายในทะเลและมีมูลค่ามหาศาล เบลลามี่ออกปล้นเรือทุกลำที่เค้าพบไม่เกี่ยงสัญชาติว่าจะเป็นชาติไหนหรือแม้แต่สัญชาติอังกฏษบ้านเกิดเค้าก็ไม่ยกเว้น จนทำให้ต้องขัดแย้งกับกัปตัน ฮอนิโกล(Hornigold)จนในที่สุดก็กลายมาเป็นการท้าทายเพื่อชิงตำแหน่งกัปตันแต่ดูเหมือนนิสัยของเบลลามี่จะถูกใจลูกเรือที่เป็นโจรสลัดมากกว่าจนได้เป็นกัปตันเรือคนใหม่แทนที่กัปตันฮอนิโกลและยึดเรือ Mary Anne มาเป็นของตน การบังคับบัญชาของเบลลามี่มีประสิทธิภาพสูงมากมีเรือธงคือเรือ Sultana และมีเรือรองคือเรือ Mary Anne ที่ให้พอลดูแล เรือทั้งสองจะช่วยกันโอบล้อมข้าศึกช่วยให้เข้ายึดเรือจากทั้ง ซ้ายและขวาทำให้ง่ายแก่การยึดโดยไม่ต้องทำลายเรือทิ้ง



                 กุมภาพันธื 1717 เบลลามี่เริ่มต้นตำนาน เจ้าชายโจรสลัดของเค้าด้วยการออกปล้นเรือที่มีมูลค่ามากที่สุดและสวยงามที่สุดเท่าที่เค้าเคยพบมา  มีชื่อว่า Slaver Whydah เรือสัญชาติอังกฏษที่เพิ่งกลับจากจาไมก้า เรือขนาด 300 ตัน บรรทุก งาช้าง  ทับทิม น้ำตาลเครื่องปะดับเงิน และทองมาเต็มลำเรือ เบลลามี่ติดตามเรือลำนี้นานกว่า 3วันก่อนเข้าปล้นและยึดเรือมาเป็นเรือหลักของตนทำให้เค้ามีเรือในบัญชาสองลำประกอบด้วยเรือหลัก Whydah เป็นเรือธงขนาดใหญ่ สวยงามและมีประสิทธิภาพสูง  ติดปืนใหญ่ที่ดาดฟ้า28 กระบอก เรือรองคือเรือ Mary Anne ที่มีกัปตันพอลดูแล ส่วนเรือลำเก่า Sultana ยกให้ลูกเรือที่ต้องการวางมือและแยกตัวเอาไปใช้
              เมษายน 1717 หลังจากที่ได้เรือลำใหม่ที่แข็งแกร่ง และมีสมบัติมากมาย เบลลามี่แล่นเรือกลับไปอเมริกาเพื่อตามหามาเรีย ภรรยาของเค้าเพื่อทำคำมั่นสัญญาที่เคยให้ไว้กับเธอให้เป็นจริงว่าหากเค้าเป็นกัปตันเรือที่ยิ่งใหญ่เมื่อไหร่จะกลับมาหาเธอและรับเธอไปอยู่ด้วย  เบลลามี่แล่นเรือเรียบชายฝั่ง แอตแลนติก เพื่อเลี่ยงการพบเจอจากเรือตรวจการ
             พฏษภาคม 1717   เมื่อมาถึง Cape Cod เรือของเบลลามี่หลงอยู่หมอกหนา และต้องปะทะกับ ครื่น ลม พายุฝนขนาดใหญ่ จนเรือต้องอัปปางลง ลูกเรือทั้ง 148 คนจมน้ำหายไปเหลือรอดไปเกยฝั่งเพียง 8คน เท่านั้น 6 คนถูกแขวนคอในเวลาต่อมา อีก2คนอยู่รอดเพื่อเล่าเรื่องราวของเจ้าชายแห่งโจรสลัดและถูกขังไว้จนกว่าจะพบสถานที่ๆเรือจมและกู้สมบัติบนเรือได้สำเร็จซึ่งนั่นก็ต้องรอนานเกือบ 200 ปีเลยทีเดียวกว่าจะเจอ
.............................

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น