วันพีช_พลเอกโบร์ซาริโน่ คิซารุ_Bosalino Kizaru ★ 黄猿大将

MARINE ADMIRAL Bosalino Kizaru 
http://pirateonepiece.blogspot.com/2010/03/marine_30.html
http://pirateonepiece.blogspot.com/search/label/MARINE%201%20%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%81ฉายา พลเรือเอก โบซาริโน่ (ADM K.BOSARINO)
- วานรเหลือง คิซารุ -
(YELLOW MONKEY)
สังกัด ศูนย์บัณชาการใหญ่กองทัพเรือรัฐบาลโลก
อายุ  56 ปี/ เกิด 23 พฤศจิกายน
ส่วนสูง 205 cm.
ตำแหน่ง  พลเรือเอก(Admiral 4ดาว)
เกียรติยศ ทำลายกลุ่มโจรสลัดมนุษย์เงือกแลกำจัด ฟิชเชอร์ ไทเกอร์(อาชญากรที่ร้ายกาจที่สุด)
★ กำจัดพลเอก เซเฟอร์ (ผู้คิดจะทำลายสมดุลของโลก) 
อาวุธ ฮาคิแห่งเกราะและทลวง(Busoshoku Haki)
-  ดาบที่ทำมาจากแสง ดาบอามาโนะ มุราคุโม่(Ama no Murakumo)
ผลไม้ปีศาจ พิเกะ พิเกะ (Pika Pika)สายโลเกีย/ธรรมชาติ
ผลแสง : ร่างกายเป็นแสงปล่อยลำแสงพลังทำลายล้างสูงและสลายร่างเป็นแสงได้
จุดอ่อน ธาตุปฏิปักษ์ ธาตุแสงกินกันไม่ลงกับธาตุไฟ.
เพื่อน พลโทโอนิกุโม่(Onigumo)
เผ่าพันธุ์ มนุษย์

             ประวัติ.พลเรือเอก คิซารุ (黄サル, Kisaru) แปลว่า วานรเหลือง (Yellow Monkey) เดิมชื่อพลเรือโท โบร์ซาลิโน่ คิซารุเป็นชายวัยกลางคน มีรอยเหี่ยวย่นเต็มใบหน้า เขาสวมใส่เสื้อสูทลายแถบแนวตั้งสีเหลืองและพาดเสื้อคลุมของกองทัพเรือไว้ที่ บ่า สวมรองเท้าสีขาว แว่นกันแดดไม่เข้มมากขอบสีทอง และมีแมลงโทรสารสีดำที่ข้อมือซ้ายเหมือนกับนาฬิกา คิซารุเป็นคนที่สูงมากโดยที่เขาสูงเท่าๆกับ พลเรือเอก อาโอคิยิ  เป็น 1ใน3 ขุมกำลังของรัฐบาลโลกที่แข็งแกร่งที่สุด รูปลักษณ์เป็นชายแก่ใจดี สงบเยือกเย็น มีความรู้ความสามารถในการต่อสู้สูงและมักสนุกในการต่อสู้เสมอไม่สนใจในการตามล่าโจรสลัดแต่จะรับคำสั่งจากเซ็นโกคุโดยตรงเพื่อจัดการโจรสลัดโดยจะไม่ทำนอกเหนือคำสั่งโดยเด็ดขาด
       -  ชื่อของ คิซารุมาจาก ลิงที่เป็น 1ใน3สัตว์ที่ตามโมโมทาโร่ไปต่อสู้กับยักษ์
      -  ชื่อเดิมของคิซารุคือโบซาริโน่ ปรากฏชื่อโจรสลัดในอดีต Roche Braziliano ชาวเนเธอแลนต์ มีอายุอยู่ในช่วงปี 1654-1671 โดยประมาณ
      -  ลักษณะต้นแบบของ คิซารุ มาจากนักแสดงชาวญี่ปุ่น Tanaka Kunie ซึ่งถูกนำมาเป็นแบบทั้งหน้าตาและเสื้อผ้า นอกจากนี้ชื่อ โบซาริโน่เป็นชื่อ ตัวละครที่เค้าเคยแสดงเมื่อครั้งยังหนุ่ม
เปิดตำนานสมบัติล้ำค่ามากที่สุดทั้ง 3 ที่สืบทอดมาจากสมัยโบราณของญี่ปุ่นที่ว่ากันว่าเทพเจ้าทรงประทานมาให้
 เปิดตำนานโจรสลัดลึกลับผู้หายตัวไปจากประวัติศาสตร์โลกอย่างไร้ล่องลอย โรก บราซิลเลียโน่ - Roche Braziliano



http://pirateonepiece.blogspot.com/2013/07/marine-admiral-zephyr.html











   
              คิซารุนายพลผู้ยึดมั่นในหน้าที่ เป็นคนที่มีความ สุขุมจนถึงขั้น ทนงในความสามารถของตนที่ไม่เคยแพ้ใครเป็นผู้มีพลังจาก ผลปีศาจ พิกะ พิกะ : Glint Glint แปลว่า ผลแวววาวสายโรเกียเค้าเป็นมนุษย์ลำแสง มีพลังในการรวบรวมลำแสงแล้วยิงออกไปทำลายศัตรู พลังแสงของเค้าถูกใช้ออกมาในรูปแบบต่างๆโดยเฉพาะการยิงมันออกมาจากนิ้วมือ แขนและขา และเมื่อแสงรวมตัวกันมากขึ้นจะแปลสภาพออกมาในรูปแบบของแสงเรเซอร์ที่มีพลังในการทะลุทะลวงสูงจะสามารถเพิ่มขึ้นตามความเข้มของแสงที่รวบรวมซึ้งสามารถทำลายได้แม้แต่เกาะ หรือแม้แต้ใต้น้ำ ร่างกายของเค้าสามารถสลายกลายเป็นแสงและปล่อยให้วัตถุผ่านทะลุตัวของเขาได้โดยไม่ได้รับบาดเจ็บ และสร้างตัวขึ้นใหม่จากอนุภาคเล็กๆได้ คิซารุได้ชื่อว่าเป็นชายที่เร็วที่สุดในโลกเพราะเคาเร็วเทียบเท่ากับแสง ท่าไม้ตายในการโจมตีทั้งหมดของเขามาจากธาตุแสงทั้งสิ้น  เช่น การปล่อยแสงออกจากปลายนิ้วหรือปลายเท้า โดยที่พลังที่ปล่อยออกมามีความรุนแรงมาก ทำให้เกิดการระเบิดและสามารถทำลายตึกได้อย่างง่ายดาย โดยมีชื่อท่าไม้ตายทั้งหมดเป็นชื่อที่มาจากสมบัติของเทพพระเจ้าในตำนานของญี่ปุ่น อะทิเช่น   กระจกยาตะ, ดาบอามา โนะ มุราคุโมะ และ ยาสะคาตะ มากะทามะ, นั้นเอาชื่อมาจาก สมบัติในตำนานของนิยายญี่ปุ่น  
           จุดอ่อน : แสงจะทะลุผ่านไฟเพราะไฟเองก็เป็นแสงชนิดหนึ่งเหมือนกัน ไฟก็ไม่สามารถเผาผลาญแสงไ้ด้แต่จะยิ่งทำให้แสงเจิดจ้ามากยิ่งขึ้น
          -  ผู้มีพลังสายโลเกียจะมีร่างกายเป็นธาตุต่างๆที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติในโลกการโจมตีร่างต้นจึงทำไม่ได้นอกเสียจากว่าจะมีธาตุปฏิปักษ์ตามธรรมชาติ และแพ้พลังบุโซโชคุฮาคิซึ้งสามารถโจมตีร่างต้นได้อย่างง่ายดาย
พลเอกคิซารุ-KIZARU วานรลำแสง
“ มีแสงก็ย่อมมีเงา..ทุกคนล้วนมีตัวตนอันชั่วร้าย...
ซ่อนอยู่ใต้เปลือกอันสวยงาม สำหรับชั้น...ตัวตนที่แท้จริง
ถูกแสดงออกแล้วจากรอยยิ้ม..ทุกครั้งที่เห็นศัตรู 
และความหมายของมันคือ จงตายซะ.!!..

                   พลเรือเอก คิซารุ (黄サル, Kisaru) แปลว่า วานรเหลือง (Yellow Monkey) เมื่อครั้งอดีตมีชื่อจริงว่า พลโท โบร์ซาลิโน่ ประวัติของคิซารุนั้นดูลึกลับแต่เริ่มมีผลงานโดดเด่นเมื่อกว่า 25 ปีก่อนในการมีส่วนร่วมในคณะกรรมธิการกองทัพเรือในการวางแผนงานในการจับกุมราชาโจรสลัดโกล โรเจอร์ที่กำลังมีชื่อเสียงอยู่ในขณะนั้น ซึ่งในตอนนั้นยศของคิซารุน่าจะมียศเป็นพลเรือโท หลังจากนั้นอีกหลายปีต่่่อมา คิซารุแสดงผลงานชิ้นโบแดงในการวางแผนจับกุม มนุษย์เงือกฟิชเชอร์ ไทเกอร์แต่เหตุการณ์การจับกุมไม่เป็นไปตามแผน ไทเกอร์ขัดขืนการจับกุมจนเกิดการต่อสู้กันขึ้นจนสามารถหนีรอดไปได้แต่เพราะบาดเจ็บสาหัสและเสียเลือดมากท้ายที่สุดก็ต้องตายอยู่กลางทะเล 

            หลังการตายของ ฟิชเชอร์ ไทเกอร์ คิซารุได้รับคำสั่งจากส่วนกลางให้กลับไปที่เกาะที่เกิดเหตุอีกครั้งเพราะรู้ว่าสมาชิกกลุ่มเงือกต้องกลับมาแก้แค้นชาวเมืองอย่างแน่นอน โดยครั้งนี้เค้าได้รับคำสั่งใหม่..ให้จับเป็นเสนาธิการของกลุ่มเงือกให้ได้สักคนแล้วส่งตัวไปยังฐาน G-2 เพื่อสอบสวนหาสมาชิกที่เหลือ ซึ่งเค้าก็สามารถจับอารอนได้และนำการจับกุมครั้งนี้ไปต่อรองกับจินเบซึ่งเป็นรองหัวหน้ากลุ่มและมีฝีมือร้ายกาจที่สุด ในการยื่นข้อเสนอการทำสัญญาสันติภาพเพื่อแลกกับการเข้าเป็น 7เทพโจรสลัด เพื่อทำให้เงือกตนอื่นจบการล้างแค้นแต่เพียงเท่านี้  แต่หากจินเบไม่ยอมอารอนจะเป็นเงือกตนแรกที่ต้องตายและจะมีรายต่อไปตามมาอีกมากมาย

http://pirateonepiece.blogspot.com/search/label/MARINE%201%20%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%81
พลเอกโบซาริโน่ /vadm.Bosalino
                การปรากฏตัวครั้งแรกของคิซารุที่ หมู่เกาะซาบอนดี้ แสดงให้เห็นถึงความ สุขุม เยือกเย็นจนถึงขั้นทนงตนว่าความสามารถของผลปีศาจที่เค้ามีนั้นไร้คู่ต่อสู้ แต่ท่าทางที่เค้าแสดงก็ดูเหมือนมันจะไม่เกินจริงเลยเพราะแม้ว่าจะมีโจรสลัดที่ร้ายกาจและมีค่าหัวระดับ 100 ล้านอยู่ถึง 11 คนเค้าก็ไม่เคยเกรงกลัวยังคงสงบเยือกเย็นและสามารถจับกุมโจรสลัดได้มากมายถึง 500 คนส่วนใหญ่บาดเจ็บสาหัส แต่ด้วยนิสัยของ คิซารุที่ดูเหมือนนิสัยแบบสบายๆของ อาโอคิยิ กับความโหดเหี้ยมของ อาคาอินุ เข้าด้วยกัน จะมีความปราณีต่อศัตรูอยู่มากต่างจากนายพลคนอื่นที่จะเน้นฆ่ามากกว่าจับเป็น จึงทำให้มีโจรสลัดมากมายหนีรอดไปได้รวมถึง ซิลเวอร์ เรย์ลี่ที่อยู่ในเหตุการนี้ด้วยก็สามารถหนีไปได้โดยคิซารุไม่สนใจที่จะตามแม้แต่น้อย
.......................


【】นอกเรื่องวันพีชความรู้รอบตัว【】
         เปิดตำนานสมบัติลำ้ค่าในตำนานของญี่ปุ่นที่ว่ากันว่าเทพเจ้าเป็นผู้ประทานมาให้เป็นสมบัติคู่บ้านคู่เมือง

                  The Imperial Regalia of Japan (三種の神器 Sanshu no Jingi / Mikusa no Kandakara) รู้จักกันดีในชื่อสมบัติในตำนานทั้ง 3 ของญี่ปุ่น ประกอบด้วย

The Imperial Regalia of Japan
         - ดาบคุซานางิ หรือดาบอาเมโนะ มุราคุโมะ/ the sword Kusanagi (草薙劍)
  เป็นตัวแทนดวงดาวแห่ง คุณธรรม,ความกล้าหาญ : ปัจจุบันอยู่ในศาลเจ้า อัตสุ(Atsuta)ในจังหวัดนาโงย่า
         - กระจกยะต๊ะ / the mirror Yata no Kagami (八咫鏡)
  เป็นตัวแทนดวงอาทิตย์แห่ง ปัญญา : ปัจจุบันอยู่ในพิพิธพันธ์แห่งชาติเกียวโตในกรุงเกียวโต
        - อัญมณี ยาซาคานิ หรือเต็มๆคือสร้อยสังวาล ยาชาคาเนโนะ/ The Jewel Yasakani no Magatama (八尺瓊曲玉)
  เป็นตัวแทนดวงจันทร์แห่ง ความเมตตา,กรุณา :  ปัจจุบันอยู่ในศาลเจ้า อิเสะในจังหวัดมิเอะ

                   สมบัติในตำนานของญี่ปุ่นถ้าเทียบกับประเทศเราก็น่าจะเป็น เครื่องกกุธภัณฑ์ที่จะใช้ในการประกอบพิธีขึ้นครองราชซึ่งครั้งหลังสุดที่นำออกมาคือพิธีขึ้นครองราชของจักรพรรดิ อาคีฮิโตะ (Akihito in 1989 and 1993)
               ในตำนานชื่อกันว่าสมบัติเหล่านี้มาจากเทพต้นตระกูลของญี่ปุ่น  ซุซาโนะโอะ โนะ มิโกโตะซึ่งเป็นน้องของเทพธิดาแห่งดวงอาทิตย์ อะมะเทราสุ(Amaterasu)เมื่อครั้งที่มิโกโตะพรั้งมือคนสนิทของอามาเทราสุตายทำให้ อะมะเทราสุโมโหและหนีเข้าไปซ่อนตัวในถ้ำทำให้โลกตกอยู่ในความมืดจึงต้องให้เทพธิดาร่ายรำโดยใช้ กระจก ยาต๊ะแขวนไว้ที่ปากถ้ำและสวมสร้อยสังวาล ยาชาคาเนโนะ พออามะเทราสุสงสัยโผล่หน้าออกมาดูก็ดึงออกมาจับมัดซะแต่ก็ได้มอบดาบ คุซานางิให้เพื่อเป็นการขอโทษ 
               ส่วน ตำนานดาบคุซานางิ มาจากเรื่องเล่าเกี่ยวกับว่าครั้งหนึ่ง ซุซาโนโอะบังเอิญได้พบกับสองตายายและสาวสวยร้องไห้อยู่..พอถามร้องไห้ทำไม? ตายาย (ซึ่งก็เป็นเทพเหมือนกัน) บอกว่ามีลูก 8 คน แต่พอถึงวันนึงของทุกปี จะมีปีศาจงูยักษ์แปดหัวแปดหางที่ชื่อยามาตะโนะโอโรจิ มากินลูกไปทีละคนทุกปี.. จนเหลือลูกสาวคนเดียว แล้ววันนี้ก็ถึงวันที่ว่าแล้ว.. โอโรจิจะต้องมากินลูกคนสุดท้ายนี้แน่..จึงอาสากำจัดให้โดยต้องแลกกับลูกสาวคนสุดท้อง โดยใช้วิธีจัดเตรียมเหล้าไว้หลอกให้โอโรจิกินและรอให้เมาทั้งแปดหัวก่อน แล้วอาศัยตอนที่เมาหลับนั่นจัดการอย่างเฉียบขาด.. แต่ตอนฟันหางของโอโรจิก็พบดาบคุซานางิเข้าโดยบังเอิญ
.........................

 【】นอกเรื่องความรู้รอบตัว【】
            เปิดตำนานโจรสลัดลึกลับผู้หายตัวไปจากประวัติศาสตร์โลกอย่างไร้ล่องลอย โรก บราซิลเลียโน่ - Roche Braziliano

                โรก บราซิลเลียโน่(Roche Braziliano)โจรสลัดชาวดัชต์ เกิดที่เมืองโกรนิงเก็น (Groniningen) เขาเริ่มต้นการเป็นโจรสลัดในช่วงปลาย ๆ ปี 1654 ก่อนจะหายตัวไปในช่วงราว ๆ ปี 1671 เขาปรากฏตัวในหนังสือ The Buccaneers of America ซึ่งเขียนโดย อเล็กซานเดอร์ เอ็กซ์เคเมลิน (Alexandre Exquemelin) ซึ่งตีพิมพ์ในปี 1678 ในหนังสือไม่ได้กล่าวถึงบราซิลเลียโน่ แต่นักประวัติศาสตร์พบว่าแท้จริงแล้วบราซิลเลียโน่เคยใช้ชื่อว่า Gerrit Gerittzoon มาก่อน ก่อนที่เขาและครอบครัวจะย้ายไปอยู่ที่ นิว ฮอลแลนด์ (ส่วนหนึ่งของบราซิลที่เคยตกเป็นเขตปกครองของชาวดัชต์) และที่นั่นเองที่เขาเป็นที่รู้จักในนามว่า “โรก บราซิลเลียโน่ (Roche Braziliano)” ซึ่งแปลเป็นภาษาอังกฤษได้ว่า “Rock the Brazilian” ในฐานะที่เขาได้ย้ายถิ่นฐานมาอยู่ที่บราซิล

http://pirateonepiece.blogspot.com/2010/03/marine_30.html
โรก บราซิลเลียโน่(Roche Braziliano)
              โรก บราซิลเลียโน่ เป็นหนึ่งในโจรสลัดที่มีชื่อเสียงที่ร่องเรืออยู่นอกชายฝั่งแถว ๆ พอร์ต รอยอล (Port Royal) ของประเทศจาเมก้า (Jamaica) ก่อนหน้านี้เขาเคยเป็นนักเดินเรือของทางการบราซิลมาก่อน หลังจากนั้นจึงย้ายไปอยู่ที่ พอร์ต รอยอล 
            ในปี 1654 เขาเป็นผู้นำกลุ่มกบฏและเข้าสู่การเป็นโจรสลัดอย่างเต็มตัว ในการออกปฏิบัติการครั้งแรกเขาสามารถเข้ายึดเรือที่มีมูลค่ามากได้ลำหนึ่งที่นอกชายฝั่งของเมืองกัมเปเช่ (Campeche) ประเทศเม็กซิโก ซึ่ง ณ ขณะนั้นตกเป็นเมืองประเทศราชของสเปน ในระหว่างที่เขาออกปล้นสะดมเขามักจะเดินเรือไปกลับระหว่างพอร์ต รอยอลและจาเมก้าบ่อย ๆ เพื่อเติมขุมกำลังและเสบียงสำหรับออกเดินเรือ
           มีครั้งหนึ่งเขาถูกเรือสัญชาติสเปนเข้าจับกุมได้และถูกขังไว้ที่ห้องใต้ดินของเมืองกัมเปเช่ เมืองกัมเปเช่ต้องตกอยู่ในภาวะยากลำบากอันเนื่องจากการกระทำของเขาทำให้ผู้ว่าการของเมืองกัมเปเช่มีคำสั่งให้ประหารชีวิตบราซิลเลียโน่เสีย แต่บราซิลเลียโน่ก็ฉลาดพอที่จะเอาตัวรอดมาได้ โดยใช้แค่กระดาษกับปากกาเท่านั้น เขาปลอมแปลงจดหมายขึ้นมาและส่งให้ท่านผู้ว่าการ ในจดหมายปลอมนั้นอ้างว่าจดหมายฉบับนี้ถูกส่งมาจากกลุ่มเรือโจรสลัดที่กำลังลอยลำอยู่นอกชายฝั่งของเมือง ณ ขณะนี้ ในจดหมายระบุว่าหากท่านผู้ว่า "การทำร้ายบราซิลเลียโน่แม้เพียงเล็กน้อย พวกโจรสลัดจะไม่มีความปราณีต่อเมืองอีกต่อไป" ด้วยความที่เมืองนี้ก็เหมือนจะตกไปอยู่ในมือของโจรสลัดอยู่กลาย ๆ 
           ท่านผู้ว่าการจึงหลงเชื่อจดหมายปลอมนี้เข้าอย่างสนิทใจท่านผู้ว่าการเมืองกัมเปเช่จึงได้มีคำสั่งให้นำตัวบราซิลเลียโน่มาพบ ท่านผู้ว่าการกล่าวกับเขาว่าจะส่งเขากลับสเปนหากเขาสาบานว่าจะไม่กระทำการละเมิดกฎหมายอีกตลอดชีวิต แต่หากปฏิเสธเขาจะต้องถูกประหารทันที เมื่อได้ยินดังนั้นบราซิลเลียโน่จึงให้สัตย์ปฏิญาณอย่างหนักแน่น ท่านผู้ว่าการจึงมีคำสั่งให้ส่งเขาไปยุโรป ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าเมื่อเขาไปถึงสเปนแล้วก็คงจะโดยสารมากับเรือลำอื่นเพื่อกลับมายังจาเมก้าและกลับมาเป็นโจรสลัดเต็มตัวอีกครั้ง เขาได้เรือลำใหม่จากสหายโจรสลัดของเขานามว่า ฟรองซัว โลลอเน  (François l'Olonnais) หรืออีกนามหนึ่งคือ ชอง ดาวิด นู (Jean David Nau) โจรสลัดชาวฝรั่งเศสผู้มีชื่อเสียงอีกคนหนึ่งในยุคนั้น เมื่อได้เรือลำใหม่มา บราซิลเลียโน่จึงได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งในกองเรือของยอดโจรสลัด เซอร์ เฮนรี่ มอร์แกน (Sir Henry Morgan)
          บราซิลเลียโน่เป็นโจรสลัดขี้เมาเขามักจะยิงปืนข่มขู่ผู้คนที่ไม่ยอมร่วมวงเหล้ากับเขา เขาเคยจับคนทำไร่ชาวสเปนเผาทั้งเป็นถึง 2 ศพเนื่องจากไม่พอใจที่ชาวสเปนทั้งสองรายนั้นไม่ยอมยกหมูให้เขา เขาปฏิบัติต่อตัวประกันชาวสเปนอย่างโหดเหี้ยม ตัดแขน ตัดขา หรือไม่ก็จับเผาทั้งเป็นหายสาบสูญ
        หลังจากปี 1671 เป็นต้นมาก็ ไม่เคยมีใครได้เห็นหรือได้ยินเรื่องราวของบราซิลเลียโน่อีกเลย จนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่มีใครรู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับโจรสลัดชาวดัชต์ผู้นี้ แม้กระทั่งลูกเรือของเขาก็ไม่มีใครพบ อาจเป็นไปได้ว่าเขาน่าจะประสบกับพายุรุนแรงกลางทะเลหรืออาจถูกทางการจับกุมโดยไม่มีใครรับรู้ หรือเป็นไปได้อีกว่าเขาอาจจะเลิกการเป็นโจรสลัดแล้วไปใช้ชีวิตอย่างปกติสุขก็เป็นได้
.........................

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น